บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ปรึกษาด้านการเงิน และสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ แถลงผลประกอบการตลอดปี 2568 เติบโต โดยมีมูลค่าสินเชื่อผ่านการทำ Structured Finance และให้คำปรึกษารวมกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท สะท้อนถึงศักยภาพและความน่าเชื่อถือ ตลอดจนความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ที่พร้อมยกระดับสู่บทบาทใหม่ ในการเป็น Fund Management และ Financial Advisor แบบครบวงจร ซึ่งช่วยตอกย้ำถึงการเติบโตอย่างเข้มข้น ของบริษัทฯ ตลอดจน การสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการการเงินของประเทศไทยด้วย

พชรกฤษฏิ์ ชื่นชม ประธานบริหาร บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจตลอดปี 2568 ว่า ในปีงบประมาณปัจจุบัน (2568) บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (Pacharakrit Property Co., Ltd.) มีการให้บริการด้านการทำ Structured Finance และให้คำปรึกษาทางการเงินให้กับลูกค้า ไปแล้วรวม 278 ราย “ลูกค้าทั้งหมด ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าประเภทบุคคล และประเภทนิติบุคคล รวมถึงบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (Listed Company) ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งมูลค่าของสินเชื่อที่ผ่านการทำ Structured Finance และให้คำปรึกษารวม อยู่ที่33,789,000,000 ล้านบาท ถือเป็นการสะท้อนถึงศักยภาพ ความน่าเชื่อถือ และความเชี่ยวชาญของบริษัท ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการและให้คำปรึกษาทางการเงินที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (Specialized Property Finance Provider)”

สำหรับปัจจัย ที่ส่งผลดี และทำให้ภาพรวมของธุรกิจที่เติบโตขึ้นในช่วงปี 2568 นั้น มาจากการพัฒนาโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ที่เพิ่มความยืดหยุ่น และรองรับความต้องการของลูกค้าในแต่ละระดับ ตั้งแต่การให้สินเชื่อแบบดั้งเดิม ไปจนถึง การจัดโครงสร้างทางการเงิน ที่มีความซับซ้อน โดยครอบคลุมธุรกิจหลัก ประกอบด้วย (1) สินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ Project Finance เพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (2) สินเชื่อแบบ Structured Finance หรือการออกแบบโครงสร้างทางการเงินเฉพาะตัว (Tailor-made Financial Service) รวมถึง (3) จำนำหุ้น (Pledge) นำหุ้นมาเป็นหลักประกันวงเงินสินเชื่อ (4) สินเชื่อสัญญาจ้างงาน (MOU Loan) เป็นสินเชื่อที่ออกแบบมาสำหรับ ผู้รับเหมา หรือ ผู้รับจ้าง นำสัญญามาเป็นหลักประกัน

ซีอีโอ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวได้สะท้อนถึงการปรับตัว เชิงกลยุทธ์ ของกลุ่มบริษัท จาก “ผู้ให้สินเชื่อ” ไปสู่ “พันธมิตร” ทางการเงิน และการลงทุน” ซึ่งจะทำให้เกิดการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และ ตอบโจทย์ผู้เข้ามารับบริการ “บริษัทฯ ของเรามีฐานลูกค้ากลุ่ม Developer และ Hospitality ชั้นนำของประเทศ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของพอร์ต Project Finance และ Structured Deal ในปีนี้ที่ให้บริการรวมแล้วกว่า 24 ราย ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างพอร์ตสินเชื่อมูลค่าสูง และเป็นรากฐานที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจทางด้านการเงินต่อไป”

นอกจากนี้ บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ยังถือได้ว่า เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญ ในการเชื่อมโยงการทำดีล ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ระหว่าง ผู้ซื้อหรือนักลงทุน  และผู้ขายหรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ “ในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ได้ปิดดีลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ไปแล้ว 16 เคส มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งทุกวันนี้ ปัญหาใหญ่สำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คือไม่สามารถขายอสังหาริมทรัพย์ อาทิ คอนโดมิเนียม ที่มีอยู่ได้ และยังมี Stock มากเกินไป ทำให้เงินลงทุนจมอยู่กับที่ และยังต้องแบกรับต้นทุนดังกล่าวด้วย” ซีอีโอ กล่าวเสริมด้วยว่า ปัจจุบัน ทางบริษัทฯ ได้เข้าไปสนับสนุนและทำให้เกิดการซื้อขายในกลุ่ม 7Stock Condo ที่เป็น โครงการระดับ Mid-High จนถึง Luxury ไปแล้วคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 7,800 ล้านบาท

สำหรับ ในปี 2569 บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ยังได้ประกาศกลยุทธ์ สำคัญ เริ่มจากการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัท เพื่อมุ่งสู่การเติบโตที่มั่นคง และยั่งยืน เริ่มจากการผนึกกำลังกับกองทุน และสถาบันการเงินในต่างประเทศ ทั้งจาก สิงคโปร์ และฮ่องกง เข้ามาสนับสนุนธุรกิจ “วันนี้ บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้รับความน่าเชื่อถือในระดับสากลมากขึ้น เพราะล่าสุด บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจ จากกองทุนและสถาบันการเงินต่างประเทศ ทั้งกองทุนในสิงคโปร์ และ กองทุนในฮ่องกง รวมถึงกลุ่ม Family Office ที่มีศักยภาพการลงทุนสูง เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งความร่วมมือ ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การดึงดูดเม็ดเงินเพื่อการลงทุนจากต่างประเทศ เข้าสู่ประเทศไทยเท่านั้น ทว่ายังเป็นการถ่ายทอดให้เห็นถึงมาตรฐานการเงินระดับโลกของบริษัทฯ ตลอดจนแนวคิดการบริหารความเสี่ยง และกลยุทธ์ Private Credit ที่ทางบริษัทฯ นำมาปรับใช้กับผู้ประกอบการไทย จนได้รับการยอมรับ ถือเป็นการเปิดประตู สู่แหล่งเงินทุนทางเลือก (Alternative Funding) ที่มีความยืดหยุ่นสูง และเหมาะกับโครงการที่ต้องการโครงสร้างทางการเงินเฉพาะตัว โดยบทบาทนี้ ส่งผลดีให้ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ กลายเป็น ‘สะพานเชื่อมเงินทุนโลกสู่เศรษฐกิจไทย’ อย่างแท้จริง”

ซีอีโอ ยังกล่าวด้วยว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์ สำคัญที่จะเกิดขึ้นในปี 2569 ก็คือ การขยายกลุ่มธุรกิจ ด้วยการจัดตั้งบริษัทในเครือเพิ่มขึ้นอีก 2 บริษัท ได้แก่ (1) บริษัท พชรกฤษฏิ์ เวลธ์ จำกัด (PACHARAKRIT WEALTH CO., LTD. ) มุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่ม Startup, SME และโครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบ Joint Venture และ (2) บริษัท เดอะ คีย์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (THE KEY DEVELOPMENT CO., LTD.) โดยคุณเพ็ญ สุขสมบูรณ์วงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เพื่อร่วมพัฒนาโครงการวิลล่าหรูระดับ Super Ultra-Luxury และโรงแรมระดับ 6 ดาว ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2569 ทั้งใน กรุงเทพฯ และ ภูเก็ต

“ด้วยกลยุทธ์นี้ จะส่งผลดีให้ Pacharakrit Property Group มุ่งสู่การเป็น Integrated Property & Investment Platform ที่ไม่เพียงสนับสนุนด้านเงินทุน เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น Strategic Partner ระยะยาว ที่พร้อมสนับสนุนเงินทุน และมอบความเชี่ยวชาญ รวมถึง เครือข่ายระดับสากลเพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ และมาตรฐานการให้บริการทางการเงิน ครอบคลุมที่สุด เท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา และผมยังเชื่อด้วยว่า ในปี 2569 นี้ จะเป็นปีที่ บริษัทฯ เดินหน้าไปสู่ การเติบโตที่มั่นคง และยั่งยืน ตลอดจน ได้มีบทบาทสำคัญในการยกระดับโครงสร้างการเงินให้แข็งแกร่งพร้อมมุ่งสู่เวทีโลก ต่อไป” พชรกฤษฏิ์ กล่าวทิ้งท้าย