
12 ธันวาคม 2568, สถานีดาวเทียมสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี - บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT นำทีมลงพื้นที่ดูของจริง!! “NT SATCOM...Connect to the NEXT” เพื่อประกาศเปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) อย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “NT nexConnect” ซึ่งเป็นบริการแรกของ Eutelsat OneWeb ในประเทศไทย, การเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของ NT ในการขยายธุรกิจด้านอวกาศและดาวเทียม (NT Satellite Solutions) พร้อมยืนยันความพร้อมในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงข่ายโทรคมนาคมพื้นฐานของชาติ
ก้าวใหม่ของบรอดแบนด์ LEO เสริมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยถึงความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ว่า ปัจจุบัน NT ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญของผู้ให้บริการดาวเทียมระดับโลกอย่าง Eutelsat OneWeb โดยเฉพาะบทบาทในการเป็นผู้ให้บริการสถานีเชื่อมโยงโครงข่าย หรือ Satellite Network Portal (SNP) Gateway สำหรับดาวเทียม LEO ของ OneWeb ซึ่งตั้งอยู่ที่สถานีดาวเทียมสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
สถานี Gateway นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากรองรับการเชื่อมโยงสัญญาณจากโครงข่ายดาวเทียมกว่า 600 ดวง เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ในประเทศไทยและครอบคลุมกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึง ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และบางส่วนของประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ NT ยังเป็นผู้แทนจัดจำหน่ายรายเดียวอย่างเป็นทางการจาก Eutelsat OneWeb สำหรับการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำในประเทศไทย
บริการ “NT nexConnect” ถือเป็นการยกระดับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของประเทศให้มีความครอบคลุมและมีเสถียรภาพทั่วประเทศอย่างแท้จริง ดาวเทียม LEO ของ Eutelsat OneWeb โคจรที่ระดับความสูงประมาณ 1,200 กิโลเมตร ทำให้เกิดค่าความหน่วง (Latency) ต่ำมาก เพียงประมาณ 70 มิลลิวินาที (ms) จากดาวเทียมถึงพื้นดิน หรือประมาณ 140 ms สำหรับการตอบรับ ซึ่งความหน่วงต่ำนี้ตอบโจทย์การใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแบบ Real-time
บริการ LEO นี้มีความเร็วการเชื่อมต่อสูงกว่าดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (GEO) และ NT nexConnect ได้เปิดให้บริการแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วตั้งแต่ 10/2 Mbps จนถึง 100/20 Mbps โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกลและน่านน้ำมหาสมุทรที่ไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการของโครงข่ายภาคพื้นดินได้ การเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม LEO นี้จึงเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย โดยขยายการเข้าถึงบริการ 5G และบรอดแบนด์เพิ่มเติมจากบริการผ่านสายไฟเบอร์ออปติก เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลในพื้นที่ห่างไกล และเป็นเครื่องมือสื่อสารในช่วงเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติได้อีกด้วย
มุ่งเจาะตลาดองค์กร วางตำแหน่ง “Neutral Player” แตกต่างคู่แข่ง

NT ชี้แจงถึงกลยุทธ์การตลาดว่า บริการดาวเทียม LEO ของ OneWeb มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าในตลาดเฉพาะ (Corporate segment) ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากคู่แข่งอย่าง SpaceX (Starlink) ที่เน้นตลาด Mass หรือ Broadband การกำหนดกลุ่มเป้าหมายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงการสื่อสารด้วยโครงข่ายภาคพื้นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลูกค้าเป้าหมายหลักของ NT ประกอบด้วย กลุ่มทางทะเล (Marine) โดยเฉพาะพื้นที่ในอ่าวไทย, ลูกค้าภาคพลังงาน เช่น บริษัท Oil and Gas, หน่วยงานภาครัฐและภาคทหาร, และโรงพยาบาล รวมถึงพื้นที่ห่างไกลเพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการสื่อสารได้มากขึ้น บริการนี้ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น ภาคพลังงาน ภาคการผลิต อุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมการเดินเรือ การขนส่ง การเกษตร ตลอดจนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและหน่วยงานภาครัฐ
NT ได้เริ่มดำเนินการตามคำสั่งซื้อ (backlog) และอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมอุปกรณ์สำหรับการให้บริการแล้ว มีการเปิดเผยว่า NT ได้ทำการทดสอบ (Proof of Concept: POC) กับลูกค้ารายใหญ่อย่าง บริษัท เชฟรอน (Chevron) ซึ่งเป็น Global Partner ของ OneWeb อยู่แล้ว และการทดสอบดังกล่าวประสบความสำเร็จ บริการ LEO สามารถเข้ามาแทนที่บริการเดิมที่อาจใช้ดาวเทียมต่างชาติบนแท่นขุดเจาะน้ำมัน โดยแสดงให้เห็นความเร็วที่เทียบเท่ากับบรอดแบนด์ โดยมีความเร็วอยู่ที่ 30/5 เมกะบิตต่อวินาที (Mb/s)
พันเอก สรรพชัยย์ กล่าวว่า บริการ NT nexConnect นับเป็นก้าวใหม่ในธุรกิจบรอดแบนด์ความเร็วสูงของไทย โดยจะเข้ามามีบทบาทในกลุ่มเป้าหมายผู้นำด้านเทคโนโลยี (Early Adopter) ที่ต้องการเสถียรภาพการเชื่อมโยงเครือข่ายภายในองค์กร และการให้บริการแบบ End to End Service ที่มีประสิทธิภาพ NT มีความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานรองรับบริการอย่างครบวงจร โดยคาดว่าตลาดปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเรียนรู้ผลิตภัณฑ์และจะเข้าสู่ช่วงการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ รายงานจาก Gartner, Inc. ยังได้คาดการณ์ว่าความต้องการใช้งานบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม LEO ทั่วโลกในปี 2569 จะสร้างมูลค่าสูงถึง 1.48 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 24.5% จากปี 2568
บริการ NT Connect ในกลุ่มองค์กรแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบเพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานเฉพาะทาง ได้แก่ แบบ Fix (วางอยู่กับที่), Communication On The Halt (COTH) สำหรับการเคลื่อนที่ที่สามารถใช้งานเมื่อหยุดนิ่ง, Communication On The Move (COTM) สำหรับการติดตั้งและใช้งานระหว่างเคลื่อนที่, และ Marine Time สำหรับภาคการเดินเรือ
โมเดลธุรกิจ ลงทุน 40 ล้าน สร้างรายได้กว่า 200 ล้าน พร้อมคาดการณ์รายได้หลักพันล้าน


ธุรกิจดาวเทียม OneWeb สร้างรายได้ให้กับ NT ผ่านโมเดลธุรกิจหลัก 3 ส่วน
1.รายได้จากการให้บริการสถานี Gateway (SNP) NT รับผิดชอบการติดตั้ง ดูแล และบริหารสถานี Gateway ที่สถานีสิรินธร โดยใช้เงินลงทุน 40 ล้านบาท แต่สามารถสร้างรายได้กลับมาได้สูงถึงประมาณ 200 ล้านบาท
2.รายได้จากการขาย Capacity รายได้จากการให้บริการความจุ (Bandwidth) ที่ส่งลงมาจากดาวเทียม
3.รายได้จากลูกค้าปลายทาง (ส่วนใหญ่) รายได้ที่มาจากลูกค้าโดยตรงในกลุ่ม Corporate
ในส่วนของการวางแผนทางการเงิน NT ได้ให้คำมั่น (Commitment) รายได้ขั้นต่ำกับ OneWeb ไว้ที่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี รวมเป็น 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน 5 ปีแรก อย่างไรก็ตาม ตามแผนธุรกิจที่แท้จริง NT คาดการณ์ผลประกอบการใน 5 ปีแรกไว้ที่หลัก พันล้านบาท โดยคาดว่าจะมีกำไร (Margin) อยู่ที่ประมาณ 20% หากเทียบกับงบดำเนินการและงบลงทุนรวมกัน
งบประมาณรวมที่ได้รับอนุมัติจากบอร์ดสำหรับโครงการนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ
- งบลงทุน (Capital Expenditure) สำหรับการซื้ออุปกรณ์ User Terminal (UT) หรือจานดาวเทียม คาดการณ์งบประมาณรวม 5 ปี ไว้ที่ประมาณ 170 ล้านบาท โดยปีแรกจะมีการลงทุนมากที่สุด (ประมาณ 100 ล้านบาทเศษ)
- งบดำเนินการ (Operating Expense) สำหรับการซื้อ Capacity หรือ Bandwidth จาก OneWeb เพื่อมาขายต่อ งบประมาณส่วนนี้ 5 ปี อยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท
NT นำเสนอการบริการในรูปแบบแพ็กเกจภายใต้ชื่อบริการ NT Connect ซึ่งรวมทั้งตัวจานดาวเทียม การรับส่งสัญญาณ และอินเทอร์เน็ตโดยรวม อัตราค่าบริการเริ่มต้นปัจจุบันยังอยู่ในหลักหมื่นบาทต่อเดือน (เฉพาะค่า Capacity) ทั้งนี้ ราคาค่าบริการจะถูกลง หากลูกค้าทำสัญญาระยะยาว (เช่น 2-3 ปี) เนื่องจากต้นทุนอุปกรณ์จานดาวเทียมยังมีราคาสูงในหลักแสนบาท แต่จะถูกเฉลี่ยออกไป NT ยืนยันว่าตนเป็นผู้แทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทยและมีสิทธิ์ในการตั้งตัวแทนจำหน่าย (Reseller) โดยขณะนี้มีตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาประมาณ 4-5 ราย
ผลักดันไทยสู่ Hub Satellite แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


นอกเหนือจากการให้บริการภายในประเทศ NT ยังมีความเชื่อมั่นในความสามารถของเทคโนโลยีดาวเทียม LEO ในปัจจุบันที่จะสร้างประโยชน์ต่อภาพรวมในการเสริมความมั่นคงให้โครงสร้างโทรคมนาคมพื้นฐานของไทยให้สามารถครอบคลุมอย่างมีเสถียรภาพในทุกพื้นที่ รวมถึงภูมิภาคอาเซียน และมีวิสัยทัศน์สำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Hub Satellite หรือศูนย์กลางการเชื่อมต่อของบริการดาวเทียมในภูมิภาคในอนาคต
ปัจจุบัน ทราฟฟิกสัญญาณจากดาวเทียมจะลงมาที่สถานีสิรินธร ก่อนจะวิ่งผ่านเคเบิลใต้ทะเล (APG และ AAG) ไปที่ประเทศสิงคโปร์ (ซึ่งเป็น Hub Content) ก่อนจะถูกส่งกลับมายังเขตควบคุมของ NT ที่บางรักและนนทบุรี เพื่อควบคุมนโยบายด้านความมั่นคงตามกฎหมายของ กสทช. แต่หากแผนการเจรจาเรื่อง Hub ประสบความสำเร็จ ทราฟฟิกจะสามารถลงที่ประเทศไทยแล้วส่งตรงไปยังปลายทางได้ทันที ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
NT มุ่งเป้าในการเป็น Hub ให้กับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV (กัมพูชา, ลาว, เวียดนาม, พม่า) ก่อน รวมถึงมีการเจรจาขยายแผนไปยัง เกาหลีใต้, มาเลเซีย, และฟิลิปปินส์ด้วย การเป็น Hub นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพราะจะช่วยให้พวกเขาสามารถควบคุมด้านความมั่นคง โดยสามารถควบคุมการเปิด-ปิดสัญญาณได้จากประเทศของตนเอง
การมี Gateway ในประเทศยังทำให้สามารถควบคุมนโยบายด้านความมั่นคงได้อย่างเต็มที่ และเทคโนโลยีดาวเทียม LEO มีศักยภาพในการใช้งานด้านความมั่นคงและกิจการทางทหาร โดย NT ได้มีการทดลองทำและเตรียมความพร้อมสำหรับการประยุกต์ใช้ในกรณีฉุกเฉินและภารกิจทางทหารแล้ว รวมถึงการนำ User Terminal (UT) ไปสนับสนุนภารกิจด้านอุทกภัยในภาคใต้
อนาคตเทคโนโลยี Mobile-to-Sat และสนามแข่งขัน LEO ที่เปิดกว้าง

พันเอก สรรพชัยย์ ระบุว่า เทคโนโลยีดาวเทียมกำลังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน ดาวเทียม OneWeb ที่ให้บริการอยู่ยังเป็น Generation 1 แต่ในอนาคตจะมีการพัฒนาไปสู่ Generation 2 ที่มีการควบคุมสัญญาณที่ดีขึ้น และ Generation 3 ที่จะสามารถรองรับการสื่อสารแบบ Mobile-to-Sat (มือถือสื่อสารตรงกับดาวเทียมได้) ซึ่งแนวโน้มนี้คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอีกประมาณ 4-5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ตลาด IoT (Internet of Things) เป็นตลาดใหญ่ในอนาคตสำหรับภูมิภาคห่างไกล อุปกรณ์ IoT ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อผ่านดาวเทียมสามารถติดตั้งใช้งานในพื้นที่ป่าหรือภูเขาได้ยาวนานถึง 10 ปี โดยไม่ต้องเปลี่ยน การประยุกต์ใช้ IoT ผ่านดาวเทียมจะช่วยในการป้องกันและเฝ้าระวังเหตุการณ์ เช่น ไฟป่า ซึ่งช่วยประหยัดงบประมาณได้อย่างมหาศาล



ในฐานะผู้เล่นที่เป็นกลาง (Neutral Player) NT ยืนยันว่าพร้อมที่จะต้อนรับผู้เล่นรายอื่น ๆ เข้ามาในตลาด ซึ่งรวมถึงคู่แข่งที่มี Segment แตกต่างกันอย่าง SpaceX อย่างไรก็ตาม โมเดลทางธุรกิจสำหรับผู้เล่นรายที่ 2 หรือรายถัดไปจะต้องคล้ายกับ OneWeb คือ ต้องมี Gateway และ Ranging Gateway อยู่ในประเทศไทยตามข้อกำหนดของ กสทช. ซึ่งปัจจุบัน SpaceX ได้มีการพูดคุยและเข้าใจบริบทและเงื่อนไขทางกฎหมายของประเทศไทยมากขึ้น และหาก SpaceX ยอมรับเงื่อนไขทางกฎหมายของไทย ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่ตลาด
ดังนั้น การเข้ามาของเทคโนโลยี LEO จะช่วยเติมเต็มจุดบอดของโครงข่ายภาคพื้นดินในพื้นที่ที่การลาก Fiber Optic มีความเสี่ยงหรือต้นทุนสูง และในระยะยาว การแข่งขันที่สูงขึ้นจะทำให้ราคาของ LEO ต่ำลงและสปีดดีขึ้น ซึ่งประโยชน์จะตกอยู่กับผู้บริโภคมากขึ้น