ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ความมั่นคง) ในวาระหารือเรื่องการพิจารณาและติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ และกรณีการทำ MOU ระหว่างกระทรวงดีอี และบริษัท Prime Opportunity Fund VCC ที่มีรังสิมันต์ โรม เป็นประธานฯ

ไชยชนก กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการหารือโดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับขบวนการสแกมเมอร์ของ เบน สมิธ และ ยิม เลียก ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับโครงการ WorldCoin การสแกนม่านตาเพื่อแลกรับเหรียญคริปโตฯ และการลงนาม MOU ระหว่างกระทรวงดีอี กับบริษัท Prime Opportunity Fund BCC เพื่อดำเนินโครงการนำร่องเพื่อการพัฒนา และส่งเสริมศูนย์ธุรกิจดิจิทัลสำหรับประเทศไทย (Thailand International Digital Business & Finance Centre) หรือ TIDC

สำหรับเรื่องการสแกนม่านตา ตนได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ดำเนินการเร่งรัดตรวจสอบ โดยได้มีการแจ้งระงับการดำเนินกิจกรรม และขอให้ลบทำลายข้อมูลทั้งหมด 1.2 ล้านรายในทันที โดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 พบว่าการขอเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยสแกนม่านตา Iris Code ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากไม่แสดงหลักฐานการลบข้อมูลให้ดำเนินการตามมาตรการปรับพินัย ที่มีโทษปรับสูงสุด 5 ล้านบาท เฉพาะในกรณีที่ผู้เข้ารับการสแกนม่านตา โดยไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด โดยกระทรวงดีอี จะติดตามดำเนินการอย่างเต็มที่

ในส่วนเรื่อง MOU กระทรวงได้จัดตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่จะมีบุคคลจากหลายหน่วยงานในการร่วมตรวจสอบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีประเด็นเรื่องของพฤติการณ์ที่ไม่เป็นปกติ ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะดำเนินการอย่างถึงที่สุดต่อไป ในโอกาสนี้ตนขอขอบคุณ กมธ.ความมั่นคง ที่จะส่งบุคคลผู้เชี่ยวชาญมาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย
นอกจากนี้ตนยังได้เชิญ กมธ.ความมั่นคง ร่วมหารือในที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตาม พ.ร.ก. มาตรา 13 ในวันที่ 19 ธันวาคม 2568 เพื่อร่วมบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมแลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็น เพื่อให้สามารถเข้าใจปัญหาร่วมกัน


“กระทรวงดีอี มีความยินดี
และมีความคาดหวัง ว่าการร่วมประชุมในครั้งนี้
เป็นนิมิตหมายที่ดีในการหาแนวทางที่จะช่วยจัดการขบวนการสแกมเมอร์
ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในส่วนของ พ.ร.ก.
จะเป็นเครื่องมือในการปราบปรามสแกมเมอร์ในอีกแนวทางหนึ่ง ด้านขบวนการฟอกเงินข้ามชาติ
ที่มีการยึดทรัพย์ได้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับนายเบน สมิธ และนายยิม เลียก นั้น
ตนยืนยันว่ายังไม่มีการยุติการตรวจสอบ และจะมีการดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของ
DSI และ ปปง.
เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินและการกระทำที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงทางไซเบอร์และเศรษฐกิจของประเทศต่อไป” ไชยชนก กล่าว