กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการความร่วมมือในการเฝ้าระวังสื่อดิจิทัล เพื่อผลักดันนโยบายและมาตรการคุ้มครองผู้ใช้สื่อออนไลน์ พร้อมสร้างกลไกการสื่อสารที่เข้มแข็ง เพื่อยกระดับการรู้เท่าทันสื่อของประชาชน ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ

ชมภารี ชมภูรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า จากปัญหาการเผยแพร่เนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎหมายบนสื่อดิจิทัลมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการพนัน บุหรี่ไฟฟ้า และโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาวะของเด็ก เยาวชน และประชาชน
ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้ทำการสำรวจข้อมูลเว็บไซต์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2566 - 30 ก.ย. 2568 พบว่า มีเว็บไซต์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายด้านการพนันและสินค้าต้องห้ามเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 60,000 URLs ในปี 2567 เป็น 400,000 URLs ในปี 2568 โดยเป็นที่น่าสังเกตุว่าว่า เว็บไซต์การพนันมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า จาก 62,213 URLs ในปี 2567 เป็น 307,538 URLs ในปี 2568 ขณะเดียวกันเว็บไซต์ด้านเนื้อหาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีแนวโน้มแพร่กระจายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านช่องทางสื่อออนไลน์



นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. มุ่งขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมและป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อสุขภาวะของประชาชน โดยเฉพาะจากสื่อและพฤติกรรมการใช้งานดิจิทัลผ่านการสนับสนุนนวัตกรรม องค์ความรู้ และการสร้างค่านิยมการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ การลงนามความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลฯ ครั้งนี้ จะเดินหน้าสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย ผ่านการขับเคลื่อนงานสำคัญ 7 มิติ ได้แก่

1.พัฒนาระบบเฝ้าระวังภัยออนไลน์ ทั้งการแจ้งเบาะแส การส่งต่อข้อมูล
รวมถึงการติดตามผล พร้อมจัดตั้งคณะทำงาน “ปิดกั้นเว็บไซต์” ซึ่งระหว่างเดือน
มี.ค.-พ.ค. 2568
ได้ดำเนินการส่งต่อเว็บไซต์การพนันและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว 1,314 เว็บไซต์
2.พัฒนาพลเมืองเฝ้าระวังภัยออนไลน์ ผ่านกลไกอาสาสมัครดิจิทัล โดย สสส.
จะสนับสนุนองค์ความรู้และนวัตกรรมในการพัฒนาอาสาสมัคร
และขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครดิจิทัลในการสื่อสาร
และเฝ้าระวังภัยออนไลน์ที่ส่งผลต่อสุขภาวะ
3.เชื่อมโยงข้อมูลสื่อองค์ความรู้สุขภาวะ ผ่านระบบข้อมูลสารสนเทศสุขภาพ
เพื่อสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพเฉพาะบุคคล
4.ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ด้วยระบบกลางภาครัฐ (Cloud
Computing) เพื่อติดตามพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์
และนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎจราจร
5.ดำเนินการสำรวจสถานการณ์รู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศของคนไทย โดย สสส.
จะร่วมออกแบบและกำหนดประเด็นแบบประเมิน
เพื่อให้ผลสำรวจสามารถสะท้อนสถานการณ์ได้อย่างรอบด้าน
6.สนับสนุนการป้องกันและรับมือกับข่าวลวง
ผ่านการพัฒนาองค์ความรู้และสื่อสารป้องกันการเผยแพร่ข่าวลวงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
7.ขับเคลื่อนให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้และการรู้เท่าทันสื่อ
ผ่านการจัดทำสื่อรณรงค์ และจัดเวทีสาธารณะ
มุ่งสร้างทักษะการใช้สื่ออย่างสุขภาวะดีและสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน