ครั้งแรกในประเทศไทยกับการยกระดับมาตรฐานการดูแลสัตว์เลี้ยงด้วยสเต็มเซลล์ PetGeneX ธนาคารสเต็มเซลล์สำหรับสัตว์เลี้ยง และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA ร่วมกับ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “เคทีซี” จัดงานเสวนา “ครั้งแรกของนวัตกรรมสเต็มเซลล์ในสัตว์เลี้ยง PetGeneX Future Health, Forever Love” นำเสนอองค์ความรู้และนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีศักยภาพในการฟื้นฟูและยืดอายุขัยของสัตว์เลี้ยง ตอบรับเทรนด์ Pet Parenting ที่เติบโตต่อเนื่องทั้งในไทยและต่างประเทศ สอดคล้องกับข้อมูลจากเคทีซีที่พบว่าสมาชิกมีการใช้จ่ายในหมวดสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มียอดรวมกว่า 730 ล้านบาทในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 สะท้อนให้เห็นว่าความรักต่อสัตว์เลี้ยงวันนี้ถูกยกระดับจากการดูแลทั่วไป สู่การลงทุนด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน
น.สพ.ชัยยศ ธารรัตนะ อาจารย์ประจำคณะสัตวแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ร่วมก่อตั้ง PetGeneX กล่าวว่า
อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันคนไทยกว่า 1 ใน 3 ของครัวเรือน
มีสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในบ้าน
และมีการใช้จ่ายเฉลี่ยด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยงปีละหลายหมื่นบาท
ทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงไทยมีมูลค่ามากกว่า 6–7 หมื่นล้านบาทต่อปี
สิ่งที่ตามมาพร้อมกับอายุที่ยืนยาวขึ้นของสัตว์เลี้ยง
คือการเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรังและโรคเสื่อมตามวัย
ซึ่งต้องอาศัยการรักษาอย่างต่อเนื่อง และมีค่าใช้จ่ายสูง เฉลี่ย 15,000 – 30,000
บาท/ตัว/ปี และในบางกรณีอาจแตะหลัก แสนบาทต่อปี ท่ามกลางความท้าทายนี้ นวัตกรรมการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงจึงถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการเก็บและการใช้ สเต็มเซลล์ ที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในประเทศไทย
เนื่องจากเป็นหนึ่งในวิธีการทางการแพทย์เชิงป้องกันและฟื้นฟู
ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต ลดความรุนแรงของโรค และอาจช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายระยะยาวของเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ
สเต็มเซลล์ (Stem Cells) คือ เซลล์ต้นกำเนิด ที่มีความสามารถในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ ในร่างกายได้ รวมถึงมีคุณสมบัติพิเศษในการควบคุมระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ ด้วยความสามารถในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ควบคุมการอักเสบ และหลั่งสารชีวภาพกระตุ้นการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนำมาใช้ในสัตว์เลี้ยงที่ป่วยเรื้อรังหรือเริ่มมีภาวะเสื่อมตามวัยปัจจุบันจึงถูกใช้เป็น “ทางเลือกใหม่” ในการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตและยืดอายุอย่างมีสุขภาวะที่ดี
PetGeneX คือ ธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ให้บริการคัดแยก เพาะเลี้ยง และจัดเก็บสเต็มเซลล์ด้วยมาตรฐานระดับสากล เรานำเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับระบบชีวภาพของสัตว์เลี้ยง เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สัตว์เลี้ยงเลือกได้ตามความต้องการและความเหมาะสมของน้องๆ โดยมีแพ็กเกจเก็บสเต็มเซลล์ให้เลือกหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเก็บระยะสั้นเพื่อเริ่มต้น ไปจนถึงการเก็บระยะยาวพร้อมเพาะเลี้ยงเพื่อใช้รักษาได้จริงในอนาคต ภายใต้การดูแลด้วยมาตรฐานห้องปฏิบัติการสากล ISO 9001:2015 และ ISO 13485:2016 มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์และสัตว์แพทย์ พร้อมทั้งมีการรายงานการตรวจสอบคุณภาพของเซลล์ทุกเคส เพื่อให้มั่นใจว่าสเต็มเซลล์ของจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย และพร้อมใช้งานได้จริง รองรับการเก็บรักษาได้ยาวนานสูงสุดถึง 20 ปี ซึ่งไม่เพียงเป็นการปกป้องสุขภาพในระยะยาว แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างยั่งยืนในอนาคต
ดร.พงศกร กันหอม นักวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และผู้ร่วมก่อตั้ง PetGeneX เปิดเผยว่า
เราทำหน้าที่หลักในการดูแลสเต็มเซลล์ของสัตว์เลี้ยงให้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุด
ด้วยมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยที่เข้มงวด
เพราะเราเชื่อว่าทุกเซลล์ที่แข็งแรงและพร้อมใช้งาน
คือการสร้างความมั่นใจให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงว่าพวกเขายังมีทางเลือกและความหวังสำหรับการดูแลสุขภาพของเพื่อนที่เขารักมากที่สุด
โดยในเชิงการแพทย์ เซลล์ต้นกำเนิดประเภท Mesenchymal Stem Cells (MSCs) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีศักยภาพในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
ลดการอักเสบเรื้อรัง และสนับสนุนการรักษาโรคที่ซับซ้อน เช่น ข้อเสื่อม
ตับหรือไตเสื่อม รวมถึงการบาดเจ็บของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
การจัดเก็บและเตรียมเซลล์เหล่านี้ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานมากที่สุด
คือการมอบอนาคตใหม่ด้านสุขภาพให้กับสัตว์เลี้ยง
และยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการดูแลสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล
การเก็บสเต็มเซลล์จากเลือดหรือไขมันหรือสายสะดือของสัตว์เลี้ยงตัวนั้นโดยตรง
แล้วนำไปผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยงให้ได้จำนวนที่เหมาะสม
ก่อนจะนำกลับมาใช้ฟื้นฟูร่างกายในอนาคตให้กับตัวสัตว์เลี้ยงเอง
ข้อดีของการเก็บสเต็มเซลล์คือ
·
มีความปลอดภัยสูงสุด
เพราะเป็นเซลล์จากร่างกายของสัตว์เลี้ยงเอง
·
ลดโอกาสการถูกปฏิเสธ หรือภูมิคุ้มกันต่อต้าน (immune rejection)
·
มีความเสี่ยงเรื่องโรคติดต่อจากตัวอื่น
หรือการแพ้เซลล์จากผู้อื่น
·
เข้ากันได้ 100%
ไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่เข้ากันของเนื้อเยื่อ (HLA mismatch)
·
เหมาะสำหรับการรักษาซ้ำ
สามารถนำสเต็มเซลล์ที่เก็บไว้มาขยายเพิ่ม และใช้ซ้ำได้หลายครั้งตลอดชีวิต
·
ลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย/จริยธรรม
เมื่อเทียบกับการนำสเต็มเซลล์จากแหล่งอื่น
·
ตอบโจทย์แนวคิดการแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine)
·
เก็บครั้งเดียว ใช้ได้ตลอดชีวิต
PetGeneX ให้บริการฝากเก็บและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จาก
3 แหล่งสำคัญ ได้แก่
ปัจจัยที่มีผลต่อผลลัพธ์ การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ แตกต่างกันไปตามชนิดของโรค สภาพร่างกายของสัตว์เลี้ยง ความรวดเร็วในการเริ่มการฟื้นฟูหรือรักษา การฟื้นฟูร่างกายด้วยสเต็มเซลล์ในสัตว์เลี้ยงเริ่มถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในโรคเรื้อรังและโรคเสื่อม ซึ่งจากข้อมูลงานวิจัยและเคสจริง พบผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ด้านร่างกาย (Physical Improvement) มากกว่า 70% ของสุนัขที่มีโรคข้อเสื่อม สามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น เดินและวิ่งได้นานขึ้น และลดการใช้ยาแก้ปวด ประมาณ 50–60% ของแมวที่เป็นโรคไตเรื้อรัง มีค่าการทำงานของไตดีขึ้น ภายใน 3–6 เดือนหลังได้รับสเต็มเซลล์ ในสัตว์เลี้ยงที่มีภาวะผิวหนังอักเสบหรือภูมิแพ้ มีอาการคันและผื่นแดงลดลงภายใน 1–2 เดือน ด้านคุณภาพชีวิต (Quality of Life) กว่า 80% จากการรักษารายงานว่า “น้องกลับมาสดใสขึ้น” เช่น กินอาหารได้ ขนเงางาม และเล่นกับเจ้าของได้เหมือนเดิม
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะหน่วยงานหลักด้านนวัตกรรมของประเทศ ได้พัฒนาบทบาทจากผู้สนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup Enabler) สู่การเป็นผู้ประสานงานเชื่อมโยงระบบนวัตกรรม (System Integrator) และปัจจุบันยกระดับเป็น ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor) ที่ทำหน้าที่สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อกำหนดทิศทางนวัตกรรมของประเทศให้เดินไปอย่างเป็นเอกภาพ การสนับสนุนโครงการ PetGeneX ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงก้าวสำคัญที่สะท้อนบทบาทของ NIA ในการเชื่อมโยงผลงานวิจัยและเทคโนโลยีไทยให้ก้าวข้ามจากห้องแล็บออกมาสู่การใช้ประโยชน์จริงในเชิงพาณิชย์ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค แต่คือการแสดงให้เห็นถึง ศักยภาพของประเทศไทยในการบ่มเพาะนวัตกรรมที่มีคุณค่า และสามารถต่อยอดสู่การสร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนให้กับสังคม
สิรีรัตน์ คอวนิช ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” กล่าวว่า ปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเพื่อความสุขอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น รูปแบบการใช้ชีวิต ที่สะท้อนความผูกพันเสมือนสมาชิกในครอบครัว หรือที่เรียกว่า Pet Parenting ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เติบโตต่อเนื่องทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย เจ้าของสัตว์เลี้ยงพร้อมลงทุนมากขึ้นในด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิต เพื่อให้น้องหมาและน้องแมวอยู่กับเราได้นานที่สุด ข้อมูลจากสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี ระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม 2568 พบว่ายอดใช้จ่ายในหมวดสัตว์เลี้ยง เติบโตขึ้น 10% จากปีก่อนผู้ถือบัตรทุกช่วงวัย ยังคงมีการใช้จ่ายในหมวดดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ เคทีซีจึงมุ่งคัดสรรสิทธิประโยชน์เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์สมาชิก เช่น การมอบส่วนลด 5% สำหรับทุกแพ็กเกจบริการจาก PetGeneX พร้อมเดินหน้าต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้สมาชิกมั่นใจว่าทุกการใช้จ่ายด้านสัตว์เลี้ยง ไม่เพียงสร้างความสุข แต่ยังสร้างคุณค่าในระยะยาวสำหรับเพื่อนรักสี่ขาของพวกเขา
น.ส. นภาลักษณ์ ไชยโอชะ คุณแม่น้อง “โซล่า” กล่าวว่า น้องป่วยเป็นโรคหัดสุนัข
แล้วเชื้อลามขึ้นสมอง อาการเบื้องต้นของน้องกล้ามเนื้อกระตุก
ชัก ตาแกว่ง และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกคิดว่าน้องคงไม่รอดแล้ว และคุณหมอก็ได้แนะนำเรื่องสเต็มเซลล์
ซึ่งสำหรับเราเป็นเรื่องใหม่มากไม่เคยรู้จักมาก่อนแต่ก็ลองดู
เพราะนี่อาจเป็นความหวังสุดท้าย และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจริงๆ หลังจากเริ่มรักษาด้วยสเต็มเซลล์จำนวน
3 ครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน
ณ ปัจจุบันน้องกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งแล้วค่ะ
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือจองผลิตภัณฑ์ได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี
สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ www.ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ
หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด
จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี