6 ต.ค. 2568 235 0

'ไชยชนก' ลุย ดีอี 'ควิกวิน 4 เดือน' ผนึกกำลังสู้ 5 ภัยร้ายชาติ เร่งคุยกสทช.ปราบสแกมเมอร์

'ไชยชนก' ลุย ดีอี 'ควิกวิน 4 เดือน' ผนึกกำลังสู้ 5 ภัยร้ายชาติ เร่งคุยกสทช.ปราบสแกมเมอร์


นโยบายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รับมือภัย 4 ด้าน ภายใต้การดำเนินงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมคนล่าสุด 'ไชยชนก ชิดชอบ' เพื่อรับมือกับภัยคุกคามต่างๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ ได้แก่ ภัยธรรมชาติ ภัยความมั่นคง ภัยเศรษฐกิจ และภัยสังคม รัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการ บูรณาการความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามเกี่ยวกับ นโยบายการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงประเด็นของการ ไม่ผูกขาดในแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ และการตั้งคณะกรรมการ สอบสวนกรณี 40 ล้านบาท โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงเป็นประธาน 


ดีอี แถลงนโยบาย เร่งรับมือ 5 ภัยร้าย ขับเคลื่อนประเทศด้วยความโปร่งใส

ไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอี เป็นประธานในการแถลงนโยบายขับเคลื่อนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ณ อาคารกระทรวงดิจิทัลฯ (แห่งใหม่) โดยมี พชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดีอี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

ไชยชนก กล่าวว่า ภายหลังที่คณะรัฐมนตรีนำโดย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 กระทรวงดีอี ได้เตรียมเดินหน้าภารกิจสำคัญเร่งด่วนตามแนวทาง “Quick Win” โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากภัยที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ 5 ด้าน ได้แก่ ภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภัยความมั่นคง ภัยเศรษฐกิจ ภัยสังคม และการบริหารภาครัฐ

รมว.ดีอี ย้ำถึงหลักการสำคัญคือ ความโปร่งใสในกระบวนการทำงานทุกขั้นตอน และสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่กระทรวงจะยึดถือตลอดระยะเวลาการทำงานที่จำกัดเพียง 4 เดือนนี้

ตั้งปลัดกระทรวงฯ นั่งประธานสอบปม 40 ล้าน ยืนยันจริงจังและโปร่งใส

ในประเด็นที่สื่อมวลชนให้ความสนใจอย่างสูง กรณีที่รัฐมนตรีได้กล่าวถึงในสภาฯ เกี่ยวกับเรื่อง 40 ล้านบาทนั้น ไชยชนก ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญอย่างจริงจังและได้มีการสั่งการให้ดำเนินการสอบสวนทันทีตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ได้มอบหมายให้ ปลัดกระทรวง เป็นประธานในการสอบหาข้อเท็จจริง โดยเน้นย้ำว่าคณะกรรมการชุดนี้มีองค์ประกอบเป็นบุคคลภายนอกทั้งหมด ยกเว้นรัฐมนตรีและฝ่ายเลขานุการ ซึ่งรวมถึงหน่วยงานภายนอกที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบด้วย

เมื่อถูกถามถึงความเหมาะสมของการให้ผู้ใต้บังคับบัญชา (ปลัดกระทรวง) เป็นประธานการสอบ รัฐมนตรีชี้แจงว่ากระบวนการสอบสวนจะต้องดำเนินไปตามขั้นตอน และมั่นใจว่าการดำเนินการไม่น่าจะเป็นประเด็นที่ยุ่งยาก อย่างไรก็ตาม ตนขอไม่เปิดเผยรายละเอียดของหน่วยงานภายนอกที่เข้าร่วมในคณะกรรมการชุดนี้ในขณะนี้ เนื่องจากอาจมีผลต่อรูปของกระบวนการสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่ ไชยชนก คาดการณ์ว่า ภายในเวลาไม่เกิน 1 เดือน จะมีข้อมูลเบื้องต้นให้สามารถอัปเดตต่อสาธารณชนได้



นโยบายขับเคลื่อน Quick Win 4 เดือน เจาะลึกภัยธรรมชาติและภัยความมั่นคง

ก.ดีอี ไชยชนก ได้กำหนดเป้าหมายในการแก้ปัญหาภัยที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสังคม โดยมีรายละเอียดการรับมือภัย 4 ด้านแรก ดังนี้

1. ภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บูรณาการข้อมูลและแก้ปัญหาระบบแจ้งเตือนภัยเร่งด่วน

ไชยชนก ได้ขอให้หน่วยงานในสังกัดร่วมบูรณาการการใช้งานข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยาและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และต่างประเทศ เพื่อพัฒนาแผนงานการนำข้อมูลไปใช้รับมือภัยธรรมชาติให้มีความแม่นยำและสอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น

ดีอี เน้นย้ำการใช้เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย การลดความสูญเสีย และการเยียวยาความเสียหายของประชาชนที่ได้รับจากภัยพิบัติต่างๆ

• ความร่วมมือระหว่างประเทศ: มีการสั่งการให้ประสานงานกับหลายประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีประสบการณ์และผู้เชี่ยวชาญในภัยธรรมชาติบางประเภทที่ประเทศไทยไม่เคยประสบ

• อุปสรรคการจัดซื้อจัดจ้าง: รมว.ดีอี ยอมรับว่า กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกต้องตามกฎหมายใช้เวลานานถึง 3, 4, 5 หรือ 6 เดือน ซึ่งอาจไม่ทันต่อสถานการณ์เร่งด่วน จึงมีแนวโน้มที่จะต้องขอความร่วมมือหรือความช่วยเหลือในรูปแบบของการ ยืมอุปกรณ์หรือขอผู้ชำนาญการ เข้ามาสนับสนุนก่อน เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที

• ปัญหาการแจ้งเตือน : ขอบคุณรัฐบาลชุดที่แล้วที่ให้ความสำคัญกับระบบ Cell Broadcast แต่ไชยชนกมองว่าระบบดังกล่าวยังมีข้อจำกัดทางเทคนิค เช่น การขาดการรวมภัยความมั่นคงเข้าไป และข้อจำกัดด้านรุ่นโทรศัพท์หรือการปรับตั้งค่า (Setting) ซึ่งทำให้การแก้ไขข้อจำกัดทางเทคโนโลยีทำได้ยากในสถานการณ์เฉพาะหน้า

• แนวทางแก้ไขเฉพาะหน้า: กระทรวงฯ จะเน้นการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว เช่น ระบบสื่อสารแบบ Trunk Radio ซึ่งมีอยู่ในกระทรวงมหาดไทยและเข้าถึงระดับตำบล โดยจะขอความร่วมมือให้มีการสั่งการลงไปผ่านหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลการแจ้งเตือนภัยถึงประชาชนในพื้นที่ท้องถิ่นทั่วถึง ควบคู่ไปกับการใช้ระบบแจ้งเตือนภัย CBS นอกจากนี้ ในบ่ายวันเดียวกันนั้นจะมีการประชุมคณะทำงานเร่งด่วนเพื่อดูเรื่องการแจ้งเตือน การป้องกัน การช่วยเหลือ และการเยียวยาภัยธรรมชาติ

2. ภัยความมั่นคง ยกระดับรู้เท่าทันอาชญากรรมเทคโนโลยีและเสริมมั่นคงชายแดน

สำหรับภัยความมั่นคง ดีอี จะเร่งรัดส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแก่ประชาชน และยกระดับการสร้างความตระหนักรู้เท่าทันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เป็นเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน

• ชายแดนไทย-กัมพูชา: รมว.ไชยชนก สั่งการให้นำเทคโนโลยีของกระทรวงดีอีไปใช้ในการเสริมสร้างความมั่นคงในแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น เทคโนโลยีโดรน เพื่อช่วยลดความตึงเครียดและป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของทหารและประชาชน

• บูรณาการสัญญาณสื่อสาร: นอกจากนี้ ยังมีการบูรณาการความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงและภาคเอกชนด้านโทรคมนาคม (Operator) เพื่อจัดการเกี่ยวกับสัญญาณสื่อสารตามแนวชายแดนทั้งหมดตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนฝ่ายความมั่นคงอย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม รมว.ดีอี ระบุว่ารายละเอียดเชิงลึกบางส่วนเป็น Sensitive Information จึงไม่สามารถแจ้งมากได้

3. ภัยเศรษฐกิจ ทลายการผูกขาดโลจิสติกส์บนแพลตฟอร์มรายใหญ่

จากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบเชิงเศรษฐกิจในประเทศ กระทรวงดีอี ในฐานะผู้นำ จะส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัลเพื่อช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น

• กำกับดูแลการแข่งขัน: ก.ดีอี พร้อมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการผูกขาดของแพลตฟอร์มรายใหญ่ โดยจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการกำหนดมาตรการกำกับดูแลการแข่งขันที่เป็นธรรม พร้อมทั้งส่งเสริมแนวทางการสร้างความสมดุลระหว่างผู้ประกอบการ แพลตฟอร์ม และประชาชน ทั้งที่เป็นผู้บริโภคและผู้ให้บริการ

• นโยบายไม่ผูกขาดโลจิสติกส์: รมว.ดีอี เผยถึงความตั้งใจหลักที่จะ เจรจากับภาคเอกชนในเรื่องการผูกขาดด้านโลจิสติกส์ ที่มีอยู่ในหลายแพลตฟอร์ม หากสามารถทำให้เกิดการไม่ผูกขาดได้ จะส่งผลดีต่อค่าใช้จ่ายของผู้ใช้บริการและผู้ประกอบการ

• สิทธิ์ในการเลือก: ไชยชนก ชี้แจงว่า แพลตฟอร์มบางแห่งอาจมีการบังคับให้ใช้ระบบขนส่งบางระบบที่มีค่าใช้จ่ายหรือข้อจำกัดที่แตกต่างกัน จึงต้องการให้ผู้ใช้บริการมีสิทธิ์เลือกบริการขนส่ง โดยยกตัวอย่างไปรษณีย์ไทยซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุดสำหรับการขนส่งภายในประเทศ

• แนวทางการทำงาน: เนื่องด้วยระยะเวลาที่จำกัด รัฐมนตรีไชยชนก เน้นย้ำไปที่ การขอความร่วมมือและการเจรจากับเจ้าของแพลตฟอร์มโดยตรง แทนการศึกษาและทบทวนกฎหมายที่ใช้เวลานาน เพื่อให้สามารถเกิดผลในระยะเวลาอันสั้นและช่วยเหลือประชาชนได้เร็วขึ้น

4. ภัยสังคม เร่งปราบ Call Center และส่งเสริม AI Literacy

ในด้านภัยสังคม ก.ดีอีจะสนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน อินเทอร์เน็ต และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญพื้นฐานในปัจจุบัน

• AI Literacy: จะมีการสร้างความตระหนักรู้และเข้าใจในการใช้ AI อย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มความเข้าใจ และสร้างสังคมดิจิทัลที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้จริงอย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์

• การลดความเหลื่อมล้ำ: แผนรับมือภัยธรรมชาติและภัยความมั่นคงสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขภัยทางสังคมได้ในแนวทางเดียวกัน พร้อมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์: ก.ดีอี จะยกระดับมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ ด้วยการ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามเชิงรุกร่วมกับภาครัฐและเอกชน ไชยชนก ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญอย่างมาก และจะมีการติดตามการบังคับใช้อย่างเคร่งครัด รวมถึงการบูรณาการกับกระทรวงอื่นๆ

5. การบริหารภาครัฐและการบังคับใช้กฎหมาย เน้นโปร่งใสและตรวจสอบได้

การบริหารภาครัฐและการบังคับใช้กฎหมาย ดีอี ยังคงเน้นย้ำถึง ความโปร่งใส ความสามารถในการตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน และหลักการของการบูรณาการ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากนี้ ดีอีเร่งถก กสทช. รับโจทย์ความมั่นคงชายแดน ชี้เป็นสงครามยุคใหม่ที่ต้องจัดการปัญหามิจฉาชีพร่วมกับเทคโนโลยี แต่ย้ำต้องขยายสัญญาณรองรับการทหาร

จากกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ได้เดินทางลงพื้นที่บริเวณชายแดนเพื่อติดตามและอัปเดตงานด้านความมั่นคงและเทคโนโลยี ล่าสุด ไชยชนก เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานและแผนการเร่งด่วน โดยเฉพาะประเด็นการควบคุมสัญญาณโทรคมนาคมบริเวณชายแดนเพื่อต่อสู้กับกลุ่มมิจฉาชีพและการสนับสนุนภารกิจของกองทัพ



ภารกิจชายแดน ประชุมฝ่ายความมั่นคงและนโยบายจากนายกฯ

รมว.ดีอี ไชยชนก ได้เปิดเผยถึงก่อนการลงพื้นที่ชายแดนว่าได้มีการประชุมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และหลังการเดินทางก็ได้มีการพูดคุยและประชุมร่วมกับตัวแทนฝ่ายความมั่นคง ทั้งกระทรวงกลาโหมและกองทัพ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการประชุม ในการนี้ ได้มีการรับฟังการสะท้อนประเด็นปัญหาต่าง ๆ อย่างจริงจัง

"ท่านนายกฯ ได้ให้ความเข้าใจและมอบนโยบายที่ชัดเจนว่า การสู้รบหรือสงครามในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการเผชิญหน้าระหว่างกองทัพหรือตามแนวชายแดนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสงครามการค้า สงครามภาษี และสงครามทางเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐมนตรีฯ ย้ำว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนทราบ และได้กล่าวว่าทางกระทรวงฯ ได้รับโจทย์มาแล้วและพร้อมที่จะให้การสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ตามโจทย์ที่ได้รับมา"

ทางสองแพร่ง ตัดสัญญาณสแกมเมอร์ vs. ขยายสัญญาณทหาร

ในส่วนการทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการควบคุมเสาสัญญาณและการลักลอบใช้สัญญาณบริเวณชายแดน ไชยชนก ชี้แจงในเบื้องต้นถึงมาตรการเร่งด่วนว่า ในส่วนของการจัดการกับสแกมเมอร์และการก่ออาชญากรรมไซเบอร์นั้น ทางการจะพยายามดำเนินการเพื่อ ตัดลดสัญญาณออกไปให้ไปไม่ถึงตรงชายแดน เพื่อลดผลกระทบจากการที่มิจฉาชีพใช้สัญญาณในประเทศในการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ไชยชนก ยอมรับว่ามีประเด็นที่ย้อนแย้งในเรื่องของการขยายและลดสัญญาณ เนื่องจากในทางกลับกัน พื้นที่ปฏิบัติการของทหารมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการขยายสัญญาณเพื่อให้เกิดความทั่วถึงในการใช้งาน ขณะนี้ กระทรวงฯ กำลังอยู่ระหว่างการหาวิธีการที่ถูกต้องและได้มีการพูดคุยในทุกรูปแบบเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการพิจารณาใช้สัญญาณดาวเทียมที่ไม่ใช่สัญญาณ Commercial สำหรับการปฏิบัติงานของฝ่ายความมั่นคง และยังมีการหารือกับผู้ประกอบการ Commercial Operator ด้วย โดยตนขอเวลาในการหา Solution ที่ "เหมาะสม เป็นประโยชน์ และปลอดภัยต่อทุกฝ่าย" ก่อนจะมีการแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม และยืนยันว่ามีนัดพูดคุยกับประธาน กสทช. ในวันที่ 7 ต.ค 68 ช่วงบ่าย


เร่งทำผลงาน 4 เดือน ยึดหลัก ‘ทำแล้วค่อยพูด’

เมื่อถูกถามถึงความพอใจในผลงานภายใต้กรอบเวลาการทำงานที่จำกัดเพียง 4 เดือน ไชยชนก เปิดเผยย้ำว่าไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์ได้ แต่ย้ำว่าทุกเรื่องจะต้องมี "สิ่งที่เราตั้งใจทำ" และต้องมี "สิ่งที่จับต้องได้" มองว่าทุกกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ ล้วนมีศักยภาพ และผลงานที่ตอบกลับมานั้นมีมากกว่าที่ตนเองตั้งใจไว้ด้วยซ้ำ จึงเชื่อมั่นว่าจะมีผลงานที่ชัดเจนและมีผลกระทบต่อการลดภัยหรือทำให้ภัยอันตรายต่างๆ ต่อพี่น้องประชาชนหายไปอย่างแน่นอน

เดินหน้าบูรณาการและทบทวนโครงการเก่า

นโยบายหลายอย่างที่เคยวางไว้มีเจตนาที่ตรงกัน และเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับโครงการที่ทำได้ดีอยู่แล้วและต้องทำต่อไป โดยตนจะไม่เคลมผลงานของรัฐบาลชุดที่แล้วอย่างเดียว

"สิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับขั้นตอนและอยู่ระหว่างการทบทวนอย่างละเอียด นั่นคือ โครงการดิจิทัลชุมชน เนื่องจากทางกระทรวงฯ ยังไม่ได้รับข้อมูลที่รวดเร็วพอ และมีความเห็นว่าโครงสร้างของโครงการดังกล่าวควรมีการปรับปรุง จึงต้องขอตรวจสอบรายละเอียดอย่างเต็มที่ก่อน นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนบอร์ด (Board) ของหน่วยงานต่างๆ ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดเช่นกัน" ไชยชนก กล่าวย้ำ