1 ต.ค. 2568 354 0

AIS ฉลอง 35 ปี วิสัยทัศน์นำ AI พลิกพลัง เปิดตัว 3 ขุนพลขับเคลื่อน พร้อมทุ่มแคมเปญพอยท์ ขอบคุณลูกค้ากว่า 51 ล้านราย

AIS ฉลอง 35 ปี วิสัยทัศน์นำ AI พลิกพลัง เปิดตัว 3 ขุนพลขับเคลื่อน พร้อมทุ่มแคมเปญพอยท์ ขอบคุณลูกค้ากว่า 51 ล้านราย



เอไอเอส ฉลองครบรอบ 35 ปีแห่งการดำเนินงานอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมประกาศก้าวใหม่ในการเป็นผู้นำดิจิทัลของไทยอย่างเต็มภาคภูมิ โดยมุ่งยกระดับประเทศด้วยพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความยั่งยืนให้สังคม ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ในการพลิกสู่การเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีแบบรู้คิด โดยได้ปักหมุดแนวคิด "AI for Sustainable Nation" เพื่อเชื่อมทุกภาคส่วนให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

เอไอเอส ยังคงเดินหน้าภารกิจคิดเผื่อเคียงข้างสังคมไทย พร้อมเปิดตัวแคมเปญขอบคุณลูกค้าครั้งใหญ่ ‘AIS 1 Point 12 Weeks 12 Wow’ ให้ลูกค้ากว่า 51 ล้านรายทั่วประเทศ ใช้เพียง 1 พอยท์ เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษสุดว้าวได้ต่อเนื่องถึง 12 สัปดาห์ ตลอด 3 เดือนเต็ม


สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา เอไอเอสได้มีบทบาทสำคัญในการร่วมวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ จนกลายเป็นเสาหลักสำคัญที่ผลักดันอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานสากล “เราไม่ได้หยุดอยู่เพียงบทบาทของผู้ให้บริการสัญญาณ แต่เติบโตสู่การเป็น Cognitive Tech-Co อย่างเต็มรูปแบบ ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ยกระดับคุณภาพชีวิตและขับเคลื่อนธุรกิจของคนไทย” 

การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญนี้ หมายถึงการเป็นผู้ให้บริการที่ฉลาดขึ้น โดยธุรกิจได้ผ่านการวิวัฒนาการมา 3 ยุค คือจาก Mobile Operator มาสู่ Digital Service Provider (DSP) และล่าสุดคือการปรับตัวเป็น Cognitive Tech-Co วิสัยทัศน์หลักของเอไอเอสคือการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมดิจิทัลอย่างยั่งยืน โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable) และยึดหลัก ESG (Environment, Social, Governance) ที่จะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างปัญหาสังคม แต่ต้องช่วยยกระดับเศรษฐกิจไปพร้อมกัน


พันธกิจในการดำเนินงานของเอไอเอสคือการเติมเต็มการใช้ชีวิตและธุรกิจของคนไทยด้วยความเชื่อมั่นในโครงข่ายดิจิทัลที่ล้ำสมัยและมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ โดยสินค้าและบริการทั้งหมดจะอยู่บน 3 แกนหลัก ได้แก่ Total Connectivity หรือการเชื่อมต่อที่มั่นคงตลอดเวลา, Digital Innovation หรือนวัตกรรมดิจิทัล, และการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าอย่าง เหนือความคาดหมาย



คณะผู้บริหารหัวใจดิจิทัลนำทัพสู่มิติธุรกิจใหม่

การเปิดฉากบทใหม่ด้วยพลังของ AI นี้ ดำเนินการภายใต้การนำทัพของคณะผู้บริหารหัวใจดิจิทัล ที่พร้อมผลักดันองค์กรทะยานสู่วิสัยทัศน์แห่งอนาคต โดยมี 3 แม่ทัพดิจิทัลรุ่นใหม่ ที่เข้ามาเติมไฟความเป็นผู้นำดิจิทัลของไทยให้เด่นชัดและทรงพลัง

ปรัธนา ลีลพนัง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านปฏิบัติการ ทำหน้าที่เป็นแม่ทัพแนวหน้า ผู้วางรากฐานธุรกิจหลักให้มั่นคง ทั้งบริการสื่อสารและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้พร้อมรองรับทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของคนไทย ภายใต้การขับเคลื่อนของเขา เครือข่ายจึงไม่ใช่แค่โครงสร้างพื้นฐาน แต่คือ “พลังรองรับการเติบโตของชาติ” ที่เชื่อถือได้ทุกวัน

ธีร์ สีอัมพรโรจน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการเงิน คือผู้นำวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ผู้วางยุทธศาสตร์องค์กรสู่ Next S-Curve และผลักดันธุรกิจใหม่ให้เดินหน้า เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยกรอบคิดที่สมดุล เพื่อพาเอไอเอสก้าวสู่ “มิติธุรกิจใหม่” อย่างมั่นคง

กานติมา เลอเลิศยุติธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจองค์กร ผู้นำเบื้องหลังพลังคน ที่สร้างรากฐาน “คน–วัฒนธรรม–ความยั่งยืน” ให้แข็งแกร่ง โดยวางยุทธศาสตร์คนและองค์กรที่ขับเคลื่อนต่อเนื่อง และต่อยอดสู่แนวทางความยั่งยืนคู่สังคม เพื่อให้ทุกความสำเร็จของเอไอเอสสะท้อนกลับไปเป็นโอกาสของสังคมไทย



3 ขุมพลังขับเคลื่อนใหม่: รีเทล–บันเทิง–การเงิน เพื่ออนาคตเศรษฐกิจดิจิทัล

ด้วยความแข็งแกร่งตลอด 35 ปี เอไอเอสพร้อมก้าวต่อไปใน 3 ด้านหลัก คือ ธุรกิจ ลูกค้า และสังคมไทย เพื่อเดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับประเทศ

ปัจจุบัน แม้ว่าธุรกิจหลัก (Mobile, Broadband, Enterprise) จะยังคงแข็งแกร่งและคิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 80-90% แต่เอไอเอสได้วางแผนที่จะขยายสัดส่วนการเติบโตใหม่ผ่าน 3 ธุรกิจที่เป็น Gold Engine ได้แก่ Retail, Entertainment และ Finance

1. ธุรกิจการเงินดิจิทัล (Digital Finance) และ Virtual Bank เอไอเอสเล็งเห็นว่าแพลตฟอร์มมือถือเป็นจุดศูนย์รวมของธุรกรรมหลายอย่าง และต้องการใช้ความเข้าใจในฐานลูกค้าที่มีอยู่สูง เพื่อนำเสนอบริการด้านการเงินใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินที่ยังทำได้ไม่เต็มที่ในหลายกลุ่ม อาทิ ประชาชนที่ไม่มีรายได้ประจำที่ชัดเจน หรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งไม่มีสาขาธนาคาร

ล่าสุด เอไอเอสได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ บริษัท กรุงไทย (KTB) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR หรือ OR) เพื่อขอจัดตั้ง Virtual Bank ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการขออนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย เอไอเอสเชื่อว่าการรวมตัวของพันธมิตรทั้ง 3 รายนี้ จะทำให้เกิดกลุ่มธุรกิจที่มีฐานลูกค้ามากที่สุดกลุ่มหนึ่งในประเทศ และจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น สะดวกขึ้น และทั่วถึงมากขึ้นได้

ธุรกิจ Virtual Bank นี้ถูกมองว่ามีโอกาสเติบโตอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่อาจต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ ทั้งนี้ ธุรกิจการเงินดิจิทัลของประเทศที่ขับเคลื่อนโดยเอไอเอส โดยจับมือกับ OR และ KTB จะเป็นการสร้างอนาคตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับสังคมไทย

2. ธุรกิจรีเทล (Retail Tech) ที่ยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ร้านค้าปลีกของเอไอเอสจะถูกปรับให้เป็นมากกว่าการขายมือถือหรือการให้บริการโทรคมนาคม แต่จะขยายให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมากขึ้น การปรับเปลี่ยนนี้จะนำเสนอ Gadget (GGET) และบริการ E-service เพิ่มเติมที่สามารถให้คำแนะนำและทำธุรกรรมซื้อขายได้ที่หน้าสาขา ลูกค้าที่เข้าช็อปจะเห็นแพ็กเกจเอนเตอร์เทนเมนต์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Soundbar เพิ่มขึ้น

3. ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ (Entertainment Platform) ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์กำลังถูก Spin off ออกมาเพื่อสร้างเป็น Entertainment Platform ที่แข็งแกร่งของประเทศไทย ซึ่งรวมที่สุดแห่งความบันเทิงและกีฬาอย่าง AIS PLAY โดยเอไอเอสพยายามสร้างอีก Layer ของบริการ นอกเหนือจากการเป็น Aggregator ที่รวมแพลตฟอร์มทั่วโลก


ความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและ AI

เอไอเอสยังคงมุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของประเทศ ปัจจุบัน AIS 5G มีคลื่นมากที่สุด ครอบคลุมที่สุด และเร็วที่สุด และมีโครงข่ายใยแก้วนำแสง (BR Band) ผ่าน AIS 3BB หรือ AIS Fibre 3 ซึ่งให้บริการครอบคลุมมากที่สุดในประเทศและเข้าถึงกว่า 5 ล้านครัวเรือน

นอกจากนี้ เอไอเอสยังขยาย Data Center เพิ่มขึ้นอีกแห่งเพื่อรองรับบริการในเร็วๆ นี้ และได้นำระบบ Hyperscaler ของ Oracle เข้ามาให้บริการในประเทศไทยเป็นเจ้าแรกๆ ของโลก เพื่อให้ข้อมูลของประเทศอยู่ภายใต้การบริหารจัดการภายในประเทศ (Data Sovereignty) รวมถึงได้ร่วมมือกับ Microsoft Azure และ AWS ธุรกิจ Non-Mobile Enterprise ในส่วนนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถขยายรายได้ให้เติบโตในระดับ Double Digit ได้อย่างมหาศาล

นำ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรและสร้างโอกาสให้บุคลากร

เอไอเอสเน้นการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในลักษณะของงานที่ทำอยู่ เช่น งาน Call Center และงานขาย การใช้ AI จะทำให้เกิดผลลัพธ์ 2 ส่วน คือ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ ลดต้นทุนลงอย่างชัดเจน ในด้านการบริการลูกค้า AI จะทำให้ลูกค้าที่โทรเข้า Call Center สามารถรับบริการได้เสร็จไวขึ้น และอาจไม่จำเป็นต้องรอสายนาน

เอไอเอสระบุว่า AI เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่มาทดแทนงานสถิติ งานเดิมๆ หรืองานประมวลผลซ้ำๆ แต่ไม่ได้มาเพื่อแทนที่พนักงาน แต่จะเข้ามาเสริมให้พนักงานสามารถยกระดับตนเองและส่งมอบงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ (Innovation) ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม พนักงานจำเป็นต้องปรับ Skill Set เนื่องจากเพื่อนร่วมงานที่รู้และสามารถใช้ AI ได้ จะเข้ามาแทนที่คนที่ปรับตัวไม่ทัน


ขอบคุณจากใจถึงลูกค้า 51 ล้านราย ด้วยแคมเปญสุดว้าว

ในวาระครบรอบ 35 ปี เอไอเอสได้ส่งคำขอบคุณไปยังลูกค้ากว่า 51 ล้านราย และยืนยันความตั้งใจที่จะอยู่ในใจของลูกค้า ด้วยคำว่า “อุ่นใจทุกโมเมนต์” ตลอดไป

เพื่อเป็นการขอบคุณครั้งยิ่งใหญ่ เอไอเอสได้เปิดตัวแคมเปญยักษ์ใหญ่ ‘AIS 1 Point 12 Weeks 12 Wow’ หรือ “12 Week 12 WOWs” โดยใช้เพียง 1 พอยท์ เตรียมแลกรับสิทธิพิเศษ หรือแลกสิทธิ์ลุ้นรางวัลสุดว้าวได้ทุกสัปดาห์ ต่อเนื่องตลอด 3 เดือนเต็ม

ความว้าวแรกจะประเดิมขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยลูกค้าสามารถใช้ 1 พอยท์ แลก 1 สิทธิ์ ลุ้นรับรางวัลใหญ่ อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทอง และอีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟในแต่ละสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลแพ็กเกจสุดคุ้ม หรือคอนเทนต์บันเทิงระดับพรีเมียม ซึ่งจะมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าทั่วประเทศ ลูกค้าสามารถติดตามรายละเอียดได้บน myAIS



สานต่อ ‘ภารกิจคิดเผื่อ’ เคียงข้างสังคมไทยอย่างยั่งยืน

รากฐานสำคัญตลอด 35 ปี แห่งการเคียงข้างสังคมไทย คือ ‘คน’ พลังของคนเอไอเอสไม่เพียงสร้างคุณค่าให้ลูกค้า แต่ยังยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม พร้อมสานต่อ ‘ภารกิจคิดเผื่อ’ ที่ยึดมั่นการเติบโตไปด้วยกันทั้งองค์กรและสังคมไทย

ในปีนี้ เอไอเอสเดินหน้าจัดสัมมนาใหญ่ AIS ACADEMY for THAIs ที่มุ่งยกระดับทักษะดิจิทัลเพื่อคนไทย พร้อมส่งต่อพลังแห่งหัวใจ สนับสนุนเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้สังคมไทยเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน โดยบริษัทยังมีการให้ความรู้ด้าน DQ (Digital Quotient) และ Cybernet ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันโลกดิจิทัล ซึ่งโครงการเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง แต่เป็นการสร้างโอกาสให้กับคนไทย

เอไอเอสยังภูมิใจที่ได้ใช้สินค้าและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของตนเองเข้าไปช่วยเหลือประเทศชาติในทุกวิกฤต ตัวอย่างเช่น การใช้สัญญาณมือถือช่วยในการกู้ภัยเมื่อตึก สตง. ล่ม ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่, การส่งรถบริการไปถึงที่เกิดเหตุถนนทรุดหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเพื่อให้สามารถใช้บริการสื่อสารได้แม้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีไฟฟ้า รวมถึงการช่วยเหลือคนที่ลอยเรืออยู่กลางทะเลที่ใช้สัญญาณ SOS ผ่าน Apple Watch จนกลับมาได้อย่างปลอดภัย


เอไอเอสเป็นบริษัทที่มีการเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและเป็นมืออาชีพ โดยมี Market Cap ติดอันดับต้นๆ ของประเทศ และมีการปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยการดำเนินงานทั้งหมดนี้อยู่บนเสาเข็มที่แข็งแรงขององค์กร ได้แก่ บุคลากร (คน) ไอที และเครือข่าย (Network)

สมชัย กล่าวปิดท้ายว่า “และนับจากวันนี้ไป เอไอเอสจะไม่เพียงเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม แต่จะเป็นกำลังสำคัญในการวางรากฐานดิจิทัลของไทยที่ใช้พลังของ AI และนวัตกรรมมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เราจะสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงความก้าวหน้าอย่างเท่าเทียม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกกลุ่ม เพื่อร่วมกันผลักดันประเทศสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พยายามเติมพลังอนาคตของไทยและเชื่อมเครือข่ายอัจฉริยะที่บริษัทมีอยู่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคให้ได้”