กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ปรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสด 10,000 บาท เริ่มโอนวันที่ 20 ก.ย. 68” รองลงมาคือเรื่อง “เจ้าหน้าที่ไทยบังคับคนต่างชาติไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียนมา” เตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน ตื่นตระหนก และวิตกกังวลในสังคม รวมทั้งอาจทำให้สูญเสียทรัพย์สิน และข้อมูลส่วนบุคคล โดยขอให้เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 1,090 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 20 ข้อความ ช่องทาง Website จำนวน 33 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 280 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 110 เรื่อง
ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 171 เรื่อง
กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 22 เรื่อง
กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 20 เรื่อง
กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 2 เรื่อง
กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 65 เรื่อง
เวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลและการให้บริการของหน่วยงานรัฐ ความมั่นคงระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังพบข่าวที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ และข่าวภัยพิบัติรวมอยู่ด้วย ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน ตื่นตระหนก และวิตกกังวลได้ รวมทั้งอาจทำให้สูญเสียทรัพย์สิน หรือ ข้อมูลส่วนบุคคล โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่
อันดับที่ 1 : เรื่อง ปรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสด 10,000 บาท เริ่มโอนวันที่ 20 ก.ย. 68
อันดับที่ 2 : เรื่อง เจ้าหน้าที่ไทยบังคับคนต่างชาติไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียนมา
อันดับที่ 3 : เรื่อง รัฐบาลสั่งตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแล้ว
อันดับที่ 4 : เรื่อง 23 ก.ย. 68 เกิดเหตุปะทะในพื้นที่ภูผี
อันดับที่ 5 : เรื่อง กระทรวงกลาโหม เสนอตรวจสอบทรัพย์สินแม่ทัพภาคที่ 2
อันดับที่ 6 : เรื่อง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Herbitia Lutein Ester บำรุงดวงตา ทำให้จุดรับภาพชัดได้จริง
อันดับที่ 7 : เรื่อง มีจารึกโบราณ เป็นหลักฐานว่า ปราสาทตาควายเป็นของกัมพูชา
อันดับที่ 8 : เรื่อง โอนเงินในบัญชีตัวเองไปมา เสี่ยงเป็นบัญชีม้า ถูกอายัด
อันดับที่ 9 : เรื่อง หลุมยุบหน้า รพ.วชิรพยาบาล เกิดจากท่อประปาใต้ดินแตก
อันดับที่ 10 : เรื่อง 15 ก.ย. 68 แผ่นดินไหวรุนแรง ทำให้ไทยได้รับผลกระทบ
สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ปรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงินสด 10,000 บาท เริ่มโอนวันที่ 20 ก.ย. 68” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลถึงประเด็นข้างต้นพบว่า เป็นการกล่าวถึงการดำเนินการเกี่ยวกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 โดยผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีการโอนเงิน 10,000 บาท แก่กลุ่มเป้าหมาย (ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการ) รวม 14.55 ล้านคน ในช่วงเดือนกันยายน ปี 2567 เพื่อให้นำไปใช้จ่ายได้อย่างไม่มีเงื่อนไข และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ต่อไป
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้เสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่ปี 2567 ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้เป็นเงินสด หรือเริ่มมีการโอนวันที่ 20 กันยายน 68 แต่อย่างใด
ด้านข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “เจ้าหน้าที่ไทยบังคับคนต่างชาติไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียนมา” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า กรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศ นำเสนอข่าวเป็นภาพการ์ตูน มีเนื้อหาสัมภาษณ์คนต่างชาติ 9 ราย หลากหลายสัญชาติ และมีคนชาวแอฟริกาตะวันออก อ้างว่า เดินทางมาจากเอธิโอเปียและถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเรียกตรวจก่อนพาขึ้นรถออกนอกเส้นทางไปถึง อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อบังคับไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่เมียนมาว่า
สำหรับข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอม ซึ่งได้มีการตรวจสอบชื่อคนต่างชาติซึ่งเข้าไทยช่วงเดียวกับที่กล่าวอ้าง พบว่ามีจำนวน 62 คน เกิดในแอฟริกาเพียง 2 คน และไม่มีใครมาจากเอธิโอเปีย การอ้างว่ามีพนักงานโรงแรมมารับที่จุดรับกระเป๋าที่สายพาน ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะต้องมีบัตรเข้าพื้นที่หวงห้าม การเดินทางโดยรถจากสุวรรณภูมิไปอำเภอแม่สอด ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง แต่กลับอ้างว่าหลับตลอดทาง ข่าวดังกล่าวจึงย้อนแย้งในหลักความเป็นจริง
ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองคนต่างชาติ ทั้งกลุ่มคนสัญชาติเฝ้าระวัง ที่เสี่ยงต่อการเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกลุ่มคนต่างชาติที่เสี่ยงตกเป็นเหยื่อ รวมทั้งตั้งด่านความมั่นคง เพื่อคัดกรองคนต่างชาติที่เข้าพื้นที่อย่างเข้มงวด พร้อมมีการทำประวัติเพื่อลงระบบไว้ และประสานงานกับรัฐบาลต่างประเทศเพื่อสกัดกั้นกลุ่มขบวนการที่ใช้ไทยเป็นทางผ่าน
อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน และส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด
หากประชาชน
พบข่าวน่าสงสัย ข้อมูลบิดเบือน สามารถแจ้งเบาะแส และตรวจสอบข่าวปลอมได้ที่
โทรสายด่วน 1111 ต่อ 87 (24 ชม.) หรือที่
| เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com
|
Line ID: @antifakenewscenter
|
Facebook : Anti-Fake News Center Thailand
|
X : @AFNCThailand
|
TikTok : @antifakenewscenter
|
IG : afnc_thailand/