ดีป้า เผยรายงานดัชนีชี้วัดความสามารถในการแข่งขันเมืองอัจฉริยะประเทศไทย และดัชนีประเมินความพร้อมเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ ประจำปี 2567 ระบุเมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง ได้รับคะแนนชี้วัดความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดในการจัดอันดับเมืองอัจฉริยะที่ 84.85% ขณะที่ อุโมงค์เมืองอัจฉริยะ จังหวัดลำพูน และปทุมธานีเมืองอัจฉริยะ จังหวัดปทุมธานี คือเขตส่งเสริมฯ ที่มีความพร้อมสูงสุดในการก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะในอนาคต
ประเมินความพร้อมเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ
นอกจากนี้ ยังมีการประเมินความพร้อมของเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ (Smart City Promotional Zone Readiness Index 2024) พบว่า อุโมงค์เมืองอัจฉริยะ จังหวัดลำพูน และ ปทุมธานีเมืองอัจฉริยะ จังหวัดปทุมธานี เป็นเขตส่งเสริมฯ ที่มีความพร้อมสูงสุดในการก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะในอนาคต
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ดีป้า โดย สำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย มีภารกิจในการจัดทำแผนแม่บท แผนปฏิบัติการ และขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ อีกทั้งจัดทำดัชนีชี้วัดความสามารถในการแข่งขันเมืองอัจฉริยะประเทศไทย (Thailand Smart City Competitiveness Index (TSCCI)) และดัชนีประเมินความพร้อมเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ (Smart City Promotional Zone Readiness Index (SCPRI)) เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำเร็จ จุดเด่น-จุดด้อยของเมืองอัจฉริยะ เพื่อนำเสนอให้กับผู้บริหารเมืองและประชาชนทั่วไป สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และก่อให้เกิดการแข่งขันในเชิงบวกระหว่างเมืองอัจฉริยะ
ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า สำหรับการรายงานดัชนีชี้วัดความสามารถในการแข่งขันเมืองอัจฉริยะประเทศไทย ประจำปี 2567 (Thailand Smart City Competitiveness Index (TSCCI) 2024) จาก 22 เมือง 36 จังหวัด และดัชนีประเมินความพร้อมเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ ประจำปี 2567 (Smart City Promotional Zone Readiness Index (SCPRI) 2024) จาก 74 เมือง พิจารณาจาก 5 องค์ประกอบของแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ได้แก่ การกำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมาย วัตถุประสงค์ และลักษณะของเมืองอัจฉริยะ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและดิจิทัล การพัฒนาระบบข้อมูลและความปลอดภัย การบริการระบบเมืองอัจฉริยะ 7 ด้าน และการระบุแนวทางการลงทุนและการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน ซึ่งการจัดทำดัชนีในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย การจัดอันดับความสามารถของเมืองอัจฉริยะ และการประเมินความพร้อมของเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ โดยเปิดโอกาสให้เมืองนำเสนอแผนการจัดทำเมืองอัจฉริยะและวิธีการทำงานที่ดีขึ้น เพื่อสร้างความสำเร็จและเสริมสร้างชื่อเสียงในระดับท้องถิ่นและระดับสากล อีกทั้งเสริมสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความเข้มแข็งให้กับเมืองในระยะยาว
สำหรับเมืองอัจฉริยะที่ได้รับคะแนนชี้วัดความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง ได้รับคะแนน 84.85% สามย่านสมาร์ทซิตี้ กรุงเทพมหานคร ได้รับคะแนน 78.22% และฉะเชิงเทรา เมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว น่าลงทุน จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับคะแนน 77.45% ขณะที่เขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะที่มีความพร้อมสูงที่สุดในการก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะคือ อุโมงค์เมืองอัจฉริยะ เทศบาลตำบลอุโมงค์ จังหวัดลำพูน ได้รับคะแนน 71.44% และปทุมธานีเมืองอัจฉริยะ จังหวัดปทุมธานี ได้รับคะแนน 70.20% โดยผลการจัดอันดับเมืองอัจฉริยะและเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะขึ้นอยู่กับข้อมูลการประเมินตนเองและการรายงานผลที่ได้รับจากผู้พัฒนาเมือง
“รายงานดังกล่าวยังเป็นการสร้างระบบวัดและประเมินผลเพื่อให้สามารถติดตามและปรับปรุงการดำเนินงาน เพื่อให้เมืองพัฒนาไปในทิศทางที่เหมาะสม สนับสนุนการเชื่อมโยงและความร่วมมือข้ามส่วนระหว่างหน่วยงานราชการ
ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาและพัฒนาเมืองให้ดีขึ้น
ซึ่งแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะประเทศไทยถือเป็นกลไกสำคัญในพัฒนา Mega
Program พลิกโฉมประเทศไทย
โดยเพิ่มประสิทธิภาพและขยายเขตเมืองอัจฉริยะให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับ
City Data Platform โดยนำข้อมูลที่ถูกจัดเก็บมาบริหารจัดการเมือง
แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ขับเคลื่อนเมืองในทุกมิติผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล
เพิ่มประสิทธิภาพการบริการ และสร้างเมืองที่มีความทันสมัยและยั่งยืน อีกทั้งก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศต่อไป” ผู้อำนวยการใหญ่
ดีป้า กล่าว
จุดประสงค์ของการจัดทำดัชนี
การจัดอันดับพิจารณาจาก 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
- การกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายของเมือง
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและดิจิทัล
- การพัฒนาระบบข้อมูลและความปลอดภัย
- การบริการระบบเมืองอัจฉริยะ 7 ด้าน
- แนวทางการลงทุนและการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน
ข้อมูลที่ใช้ในการประเมินมาจากรายงานผลและการประเมินตนเองของผู้พัฒนาเมืองเอง โดยดีป้าหวังว่าดัชนีนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศในระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้ ดีป้า มุ่งพัฒนาและขับเคลื่อนดัชนีชี้วัดความสามารถในการแข่งขันเมืองอัจฉริยะประเทศไทย และดัชนีประเมินความพร้อมเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.smartcitythailand.or.th หรือ https://www.depa.or.th/th/smart-city-plan/Smart-City-Index