ซิสโก้ เปิดตัวกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์เชิงกลยุทธ์ พร้อมเตือนองค์กรไทยเร่งปรับตัวก่อนตกขบวนการแข่งขันในยุคปัญญาประดิษฐ์
ในงาน FY26 Thailand Media Kick-off ซิสโก้ (Cisco) ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่องค์กรไทยต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้ทันสมัย เพื่อเชื่อมช่องว่างด้านความพร้อมของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในประเทศ ซิสโก้แนะนำให้องค์กรไทย ‘ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน AI’ อย่างจริงจัง เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล และผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น ‘ศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์’
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในปัจจุบันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเร่งกว่ายุค Digital Transformation ที่ผ่านมา โดยโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุค AI เต็มตัว ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการที่มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในดาต้าเซ็นเตอร์ของไทย
จากผลการศึกษา Cisco's 2025 Networking Report พบว่า ผู้นำด้านไอทีไทยมองว่า ดาต้าเซ็นเตอร์ ‘น้อยกว่าหนึ่งในสาม’ เท่านั้น ที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับงาน AI ที่มีความสามารถขั้นสูง ขณะที่ความจุศูนย์ข้อมูลของไทยคาดว่าจะขยายตัวถึงสามเท่าใน 3 ปีข้างหน้า องค์กรไทยจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการออกแบบ ขยายขนาด และรักษาความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความต้องการด้าน AI โดยทันที
วีระ อารีรัตนศักดิ์, กรรมการผู้จัดการซิสโก้ประจำประเทศไทย และเมียนมาร์ กล่าวเน้นย้ำถึงสถานการณ์เร่งด่วนว่า “เทคโนโลยีกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วกว่าที่ผ่านมา และองค์กรในไทยมีเวลาจำกัดในการเตรียมโครงสร้างที่สำคัญและปลอดภัยสำหรับ AI อย่างเหมาะสม”
วีระระบุว่า ซิสโก้พร้อมช่วยองค์กรในไทยเชื่อมต่อและปกป้องข้อมูลในยุค AI พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จาก AI และเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ด้วยการรวมเครือข่าย, ความปลอดภัย, การสังเกตการณ์ (Observability) และการทำงานร่วมกันเข้าไว้ด้วยกัน
ความท้าทายในยุค AI เมื่อ Data Center สิ้นสุด และ 'Universal Data' เข้ามาแทนที่
ซิสโก้ได้วิเคราะห์ถึงการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ไอที โดยระบุว่าเราได้ก้าวข้ามยุคของ Cloud Adoption (ราวปี 2000) ที่ทำให้ห้อง Data Center ในองค์กรเริ่มหายไป สู่ยุค AI ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยแนวคิด 'Universal Data'
ในยุค AI นี้ ข้อมูลที่ใช้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ข้อมูลภายในองค์กรเท่านั้น แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ใช้ยังเป็นข้อมูลภายนอก องค์กรไม่มี Data Center ของตนเอง และอาจไม่มีแอปพลิเคชันของตนเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เรากำลังใช้ข้อมูลซึ่งอาจไม่ใช่ข้อมูลของเราด้วยซ้ำ เช่น การใช้ Generative AI (อย่าง ChatGPT) สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญ 3 ประการคือ
1.ความซับซ้อนและข้อจำกัดด้าน Infrastructure: โครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบเดิม ไม่สามารถรองรับงาน AI ได้ เนื่องจากงาน AI แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การฝึกฝนโมเดล (Training Model) ที่ต้องใช้ข้อมูลมหาศาล และการใช้งานจริง (Infering) ซึ่งต้องการความเร็วสูงและปริมาณ Workload มหาศาล หากองค์กรไม่ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การยอมรับใช้งาน (Adoption) AI จะไม่เกิดขึ้น
2.ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (Cybersecurity Risk): เมื่อองค์กรเข้าสู่ระบบเปิด 100% โดยใช้ข้อมูลและแอปพลิเคชันภายนอก ทำให้ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพิ่มสูงขึ้น ในอดีต ระบบปิดและการใช้ Firewall อาจเพียงพอ แต่ในยุค AI การจัดการความปลอดภัยยากขึ้นมาก
3.ความน่าเชื่อถือ (Trust): ความน่าเชื่อถือในผลลัพธ์ของ AI เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการยอมรับ หากผู้ใช้ไม่เชื่อมั่นในผลลัพธ์ที่ AI ให้มา (เช่น ที่มาของข้อมูลไม่ถูกระบุ) การ Adoption AI ก็จะไม่เกิดขึ้น
กลยุทธ์ 3 เสาหลักของซิสโก้ สร้างความยืดหยุ่นทางดิจิทัล
เพื่อแก้ไขปัญหาความซับซ้อนที่ทีมไอทีเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ซิสโก้ในฐานะผู้นำด้านเครือข่ายและความปลอดภัยที่อยู่คู่กับประเทศไทยมานานกว่า 30 ปี ได้นำเสนอแนวทางแพลตฟอร์ม (platform approach) โดยการบูรณาการโซลูชันต่างๆ เข้าเป็นหนึ่งเดียว ทั้งเครือข่าย, ความปลอดภัย, การสังเกตการณ์ และการทำงานร่วมกัน
กลยุทธ์นี้มอบผลลัพธ์สำคัญ 3 ประการให้กับองค์กรธุรกิจทั่วโลกและในประเทศไทย
1. ดาต้าเซ็นเตอร์ที่พร้อมใช้งาน AI (AI-Ready Data Center): โครงสร้างพื้นฐานในอดีตไม่สามารถรองรับ AI ได้ ดังนั้น ซิสโก้มุ่งเน้นการเปลี่ยนดาต้าเซ็นเตอร์ให้สามารถขับเคลื่อนงาน AI ได้ทุกที่ ซิสโก้ได้ร่วมมือกับ NVIDIA ซึ่งเป็นผู้นำด้าน GPU พัฒนาโซลูชัน Cisco Secure AI Factory (หรือ CQ AI Factory ในแหล่งข้อมูลบางส่วน) ซึ่งเป็น Data Center ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ AI และมีการฝังระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปด้วย นอกจากนี้ ยังนำ AI มาช่วยในการบริหารจัดการ Data Center เพื่อช่วยงานพื้นฐาน เช่นเดียวกับ AI Agent
2. สถานที่ทำงานที่พร้อมรับอนาคต (Future Workplace): เนื่องจากการทำงานได้เปลี่ยนไปสู่รูปแบบ Hybrid Work โจทย์ใหญ่ของสถานที่ทำงานในอนาคตจึงกลับมาอยู่ที่ Security ซิสโก้ช่วยทำสถานที่ทำงานให้ทันสมัยในการรองรับการทำงานของผู้คนและเทคโนโลยี รวมถึงการให้บริการลูกค้า โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการยืนยันตัวตน (Identity Verification) เมื่อพนักงานทำงานรีโมทผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย
3. ความยืดหยุ่นทางดิจิทัล (Digital Resilience): ปัจจุบัน IT ไม่ใช่แค่ส่วนสนับสนุนธุรกิจ แต่ IT คือธุรกิจ ดังนั้น Digital Resilience จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ สถานที่ทำงาน และโครงสร้างดิจิทัลทั้งหมดให้มีความยืดหยุ่นต่อภัยคุกคามทุกประเภท ซิสโก้บรรลุเป้าหมายนี้ด้วยระบบรักษาความปลอดภัย, การรับประกันคุณภาพ (Assurance) และการตรวจสอบระบบที่ล้ำสมัย
ยกระดับความมั่นคงปลอดภัย: กลยุทธ์ Platform Approach และการฝังความปลอดภัยในเครือข่าย
หัวใจสำคัญในการรับมือกับความซับซ้อนของยุค AI คือการปรับเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซิสโก้ชี้ว่า แนวคิดในอดีตที่องค์กรซื้อโซลูชันที่ดีที่สุดจากหลายยี่ห้อ (Best of Breed) มารวมกัน ได้เพิ่มความซับซ้อนอย่างมากในยุคนี้
ดังนั้น ซิสโก้จึงเลือกที่จะบูรณาการทุกอย่างเป็น แพลตฟอร์มเดียว กลยุทธ์ที่สำคัญคือการ "Embed Security" ลงไปใน Network หรือที่เรียกว่า Hybrid Mall/Hybrid Mesh Firewall แนวคิดนี้เป็นการกระจาย Security ไปยังจุดควบคุม (Control Point) ทุกจุด เสมือนการล็อกทุกประตูในบ้าน ทำให้สามารถมองเห็นภาพรวม (Visibility) ทั้งหมดของสิ่งที่เกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ ซิสโก้ยังให้ความสำคัญกับ AI Defense เพื่อให้ข้อมูลที่ใช้ AI ถูกต้องและรู้ที่มา และเนื่องจากภัยคุกคามในปัจจุบันก็ถูกโจมตีด้วย AI เช่นกัน การใช้ AI ในการเรียนรู้และจัดการภัยคุกคามจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การบูรณาการข้อมูลจากเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย และแอปพลิเคชันทั้งหมด จะทำให้องค์กรมีการมองเห็นแบบครบวงจรและมีความยืดหยุ่นที่จำเป็นในการนำเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI มาใช้
เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านความปลอดภัยและการสังเกตการณ์ ซิสโก้ได้มีการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ เช่น Splunk และ Robust Intelligence การบูรณาการกับ Splunk ช่วยให้องค์กรสามารถมองเห็นและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างครอบคลุมทั่วทั้งเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย แอปพลิเคชัน และข้อมูลทางธุรกิจ ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงรุกได้
ในระดับโลก ซิสโก้มีการเติบโตด้าน AI อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับคำสั่งซื้อโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่ามากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณ 2025 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมถึงสองเท่า
การพัฒนาทักษะดิจิทัล และการขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0
ซิสโก้ไม่เพียงแต่เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำในการใช้ AI ภายในองค์กร และนำเสนอโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น AI Canvas ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ AI Assistant Platform AI Canvas สามารถวิเคราะห์ปัญหา Network และแนะนำสิ่งที่ต้องทำแทนมนุษย์ได้ โดยที่มนุษย์มีหน้าที่เพียงยืนยันความถูกต้อง
แม้ AI จะช่วยลดความต้องการบุคลากรในงานพื้นฐาน (Task Basic) ลง แต่ซิสโก้เน้นย้ำว่า ผู้ที่มี AI Literacy (ความสามารถในการใช้และเข้าใจ AI) จะได้เปรียบมากกว่า ปัจจุบัน AI Literacy ได้กลายเป็น Digital Literacy พื้นฐานที่ทุกคนควรมี และคำถามที่ทุกคนถามไม่ใช่ "ต้องใช้ AI ไหม" แต่เป็น "ใช้ AI อย่างไรให้มีคุณภาพมากที่สุด"
เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศ ซิสโก้ยังคงเดินหน้าโครงการสำคัญ
1.โครงการ CDA (Country Digital Acceleration Program): โครงการนี้ได้ดำเนินมานานกว่า 20 ปี เพื่อช่วยผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศ และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจท้องถิ่น ในหลายภาคส่วน เช่น Connected Health Care และ Smart City
2.Cisco Networking Academy: เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านไอที (Resource Shortage) โปรแกรมพัฒนาทักษะ IT สู่การทำงานระดับโลกนี้ ได้มอบทักษะดิจิทัลที่จำเป็นด้าน AI, Cybersecurity และ Networking ให้กับนักเรียนไทยมากกว่า 117,000 คน ปัจจุบันมีนักเรียนที่จบหลักสูตรไปแล้วเกือบ 200,000 คน โดยหลักสูตรมีการขยายครอบคลุมไปยัง Cyber Security และ AI โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในประเทศไทยถึง 69 แห่ง
อย่างไรก็ตาม บทบาทของซิสโก้ ประเทศไทย คือการช่วยให้องค์กรธุรกิจในประเทศปรับตัวและ Modernize ตนเองเพื่อรองรับการใช้ AI ให้มีคุณภาพสูงสุด โดยเชื่อว่า AI จะมาช่วยให้เกิดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน