15 ก.ย. 2568 338 0

ดีอี แจงยิบ! 'ระงับธุรกรรม' แยกชัด 'อายัดบัญชี' คลายกังวลพ่อค้าแม่ค้า ปลดล็อกเงินในครึ่งวันผ่านสายด่วนและ 1441

ดีอี แจงยิบ! 'ระงับธุรกรรม' แยกชัด 'อายัดบัญชี' คลายกังวลพ่อค้าแม่ค้า ปลดล็อกเงินในครึ่งวันผ่านสายด่วนและ 1441

ณ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (AOC 1441) ดีอี ออกโรงชี้แจงสถานการณ์และมาตรการรับมือ “บัญชีม้า” และการ “ระงับธุรกรรม” เพื่อคลายความเข้าใจผิดแก่ประชาชน ยืนยันมาตรการมุ่งสกัดเงินโจร ไม่กระทบผู้บริสุทธิ์ ชี้ผู้เสียหายจริงสามารถติดต่อขอปลดล็อกเงินได้อย่างรวดเร็วภายในครึ่งวัน ผ่านสายด่วนตำรวจและ 1441 ที่พร้อมให้บริการ



ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยล่าสุดว่า ในช่วงที่ผ่านมา มีความสับสนระหว่างการ "ระงับธุรกรรม" และ "อายัดบัญชี" ทำให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบอาชีพอิสระ “การอายัดบัญชี เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (วิอาญา) หรือเป็นกรณีของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งต้องมีพยานหลักฐานพอสมควร ปัจจุบันมีคดีที่ตำรวจดำเนินการอายัดโดยตรงในสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนเรื่องที่แจ้งเข้ามาที่ศูนย์ AOC”

ความแตกต่างระหว่าง "ระงับธุรกรรม" และ "อายัดบัญชี"

ปลัดฯ ดีอี  อธิบายว่า เมื่อมีการแจ้งเข้ามาที่ศูนย์ AOC หน้าที่ของศูนย์คือการแจ้งให้ธนาคาร "ระงับการทำธุรกรรม" ซึ่งเป็นการระงับเฉพาะวงเงินที่มีการรับแจ้งว่าถูกหลอกเท่านั้น เงินที่ถูกควบคุมไว้ไม่ได้หายไปจากบัญชีของท่าน ยังคงอยู่ในบัญชี การระงับนี้มีระยะเวลา 7 วัน เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจสอบ หากพ้น 7 วัน และตำรวจไม่ดำเนินการอายัดเพิ่มเติม ธนาคารจะถอนการระงับการทำธุรกรรม

“วัตถุประสงค์ของการระงับธุรกรรมก็เพราะว่า หากเราปล่อยให้เม็ดเงินนี้ไหลต่อไป และหากบัญชีนั้นเป็นบัญชีม้า เราจะไม่ได้เงินนั้นกลับมาเลย ในทางกลับกันการอายัดบัญชีทั้งบัญชีจะเกิดขึ้นเมื่อมีการตรวจสอบแล้วว่าบัญชีนั้นเข้าเกณฑ์เป็น “บัญชีม้า” อย่างชัดเจน และมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ทำให้สำนักงาน ปปง. นำรายชื่อของบุคคลนั้นขึ้นทะเบียน ซึ่งจะทำให้บัญชีทั้งหมดของบุคคลนั้นถูกฟรีซ หรือไม่สามารถเปิดบัญชีได้อีกต่อไป"

ผลการดำเนินงานและการปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์

"นับตั้งแต่เมื่อวานนี้ถึงวันนี้ (วันที่ 15 ก.ย 68 ที่ทำการแถลงข่าว) ศูนย์ AOC ได้รับสายโทรศัพท์จากประชาชนที่แจ้งได้รับผลกระทบเข้ามาประมาณ 1,300 กว่าสาย ในจำนวนนี้ มีเพียง 300 สายเท่านั้นที่ให้ข้อมูลครบถ้วนจริง เพื่อดำเนินการถอนการระงับชั่วคราว ส่วนอีก 1,000 สายเป็นสายที่ไม่มีข้อมูล ไม่ให้เลขบัญชี ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือได้ และจาก 300 สายที่ให้ข้อมูลครบถ้วน ศูนย์ AOC สามารถเพิกถอนการระงับธุรกรรมได้ประมาณ 30 บัญชี หรือ 10% ส่วนอีก 270 บัญชีที่เหลือจากการตรวจสอบ พบว่ามีลักษณะและพฤติกรรมเข้าข่ายเป็น “บัญชีม้า” หรือมีหมายอายัดติดตัวอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากจะไม่ได้รับการปลดล็อกแล้ว ยังจะมีการแจ้งกำหนดให้ดำเนินคดีต่อไปด้วย" ปลัดฯ ดีอี กล่าว

สำหรับประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องการปลดล็อกการระงับธุรกรรมชั่วคราว ยืนยันว่า การตรวจสอบและปลดล็อกใช้เวลาไม่นาน โดยหลักการคือไม่เกินครึ่งวัน หากท่านโทรเข้ามาแจ้งข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วน ข้อมูลที่ต้องแจ้งประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล, เลขบัตรประจำตัวประชาชน, เลขที่บัญชี, และธนาคาร

“เราดูจากพฤติกรรมของบัญชี และยิ่งถ้าวงเงินที่ใช้ไม่มาก โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้า ท่านไม่ต้องห่วง โดยส่วนใหญ่ถ้าไม่เกิน 3,000 บาทต่อครั้ง มักจะไม่ใช่บัญชีม้า อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ดูเพียงวงเงิน แต่ดูเงื่อนไขอื่นประกอบด้วย”

กลไกการทำงานร่วมกันเพื่อสกัด "บัญชีม้า"

ศูนย์ AOC ทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และธนาคารต่าง ๆ รวมถึงตำรวจ ในการตรวจสอบและชี้ชัดว่าเรื่องใดเป็นบัญชีม้าหรือไม่ กลไกการตรวจสอบนี้ใช้เวลาไม่นาน ประมาณหนึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงเศษก็สามารถชี้ชัดได้ บัญชีม้าที่ถูกปิดไปตามระบบมีจำนวนพอสมควร ทำให้บัญชีม้ามีราคาสูงขึ้น การทำงานร่วมกันนี้สำคัญมากในการสกัดเส้นทางการเงินของอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งข้อมูลที่ชัดเจนจากตำรวจจะนำไปสู่กระบวนการส่งข้อมูลให้ ปปง. เพื่อขึ้นทะเบียนบัญชีม้า ทำให้บุคคลเหล่านั้นไม่สามารถมีบัญชีธนาคารได้อีก



การคุ้มครองผู้บริสุทธิ์และมาตรการป้องกันผลกระทบ

กระทรวงดีอี ร่วมกับ สถาบันธนาคาร และตำรวจ ตระหนักดีว่า มีผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบจากการระงับธุรกรรมชั่วคราว แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกหลอกโดยตรง ซึ่งมีประมาณ 1,000 เรื่องต่อวัน และ ผู้บริสุทธิ์ที่บัญชีของตนไปอยู่ในเส้นทางเงินของบัญชีม้าโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงค่อนข้างมั่นใจว่า หากมีผลกระทบกับผู้บริสุทธิ์ จะรีบดำเนินการให้บุคคลนั้นหลุดไปจากกระบวนการนี้โดยเร็วที่สุด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลใจมาก

นอกจากนี้ หากมีผู้ตั้งใจแกล้งโอนเงินจากบัญชีม้าเข้าบัญชีอื่นเพื่อสร้างปัญหา ยังไม่ต้องกังวล เพราะเงินนั้นจะถูกล็อกไว้ ไม่ได้กระทบกับเงินของบัญชีหลัก เพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ให้มากที่สุด ศูนย์ AOC กำลังหารือกับ ธปท. และสมาคมธนาคารไทย เพื่อพิจารณาเกณฑ์เพิ่มเติมในการระงับธุรกรรมที่ไม่ไปกระทบผู้บริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต้องรวดเร็ว เนื่องจากเงินสามารถไหลออกไปได้อย่างรวดเร็ว หากใช้เวลานานเกินไป เงินอาจหลุดไปถึงมือโจร

“ถ้าเราไม่ระงับธุรกรรม เงินนั้นก็ไป เราไม่รู้ว่าเงินไหลไปไหน ประเมินว่ามีเงินประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาทในแต่ละปีที่วิ่งหายไปโดยที่เราจับมือใครดมไม่ได้ การใช้มาตรการนี้ทำให้เราสามารถหยุดยั้งเงินไว้ได้หลายพันล้านบาทแล้ว”

พร้อมเพิ่มศักยภาพสายด่วน 1441

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงข้อกังวลของประชาชนที่บ่นว่าโทรสายด่วน 1441 ไม่ติด ปลัดฯ ดีอี กล่าวชี้แจงว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา AOC มีประสิทธิภาพในการรับสาย 99% แต่ช่วง 1-2 วันมานี้ มีจำนวนสายเพิ่มขึ้นจากการที่ธนาคารต่างๆ โอนเรื่องมาที่ AOC ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม

“ปัจจุบันเรามี 100 คู่สายต่อ 7 ชั่วโมง และเรากำลังเร่งเพิ่มคนเข้ามาอีกประมาณ 20 คู่สาย เพื่อรองรับปริมาณสายที่เพิ่มขึ้นให้เร็วที่สุด โดยเราพยายามทำเต็มที่ และขอความร่วมมือประชาชนให้เตรียมข้อมูลที่จำเป็น (ชื่อ-นามสกุล, เลขบัตรประชาชน, เลขที่บัญชี, ธนาคาร) ให้พร้อมเมื่อโทรเข้ามา เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ”

นอกจากนี้ สายด่วน 1441 ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการรับแจ้งเบาะแสการหลอกลวง สอบถามข้อมูล และรับแจ้งความ ซึ่งทางศูนย์จะดำเนินการส่งต่อข้อมูลให้ตำรวจต่อไป



คำยืนยันถึงพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนทั่วไป

ปลัดฯ ดีอี ยังฝากถึงประชาชน โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าที่รับเงินผ่านระบบการสแกน หรือ QR Code ว่าไม่ต้องกังวลมากนัก โดยหลักการแล้ว การระงับธุรกรรมคือการระงับธุรกรรมตามวงเงินที่ท่านได้รับจากบัญชีม้าเท่านั้น ถ้าท่านได้รับวงเงินจากบัญชีม้ามาเท่าไหร่ จะอยู่ในกรอบนั้นเท่านั้น วงเงินอื่นในบัญชีไม่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น หากพ่อค้าแม่ค้าได้รับเงินจากบัญชีม้ามา 50 บาท เงินที่ถูกระงับก็แค่ 50 บาท ส่วนเงินอื่นๆ ในบัญชีจะยังคงใช้งานได้ตามปกติ

มาตรการตามพระราชกำหนดฯ นี้ มุ่งเน้นการจัดการปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และหยุดยั้งการโอนเม็ดเงินของมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลัก กลไกนี้มีความสำคัญ เพียงแต่หากเกิดผลกระทบ หน่วยงานรัฐต้องมีกระบวนการในการปรับตัว ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาประกอบร่วมกัน เพื่อให้ตัดสินใจได้เร็วและลดผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ให้ได้มากที่สุด ปลัดฯ ดีอี กล่าวทิ้งท้าย