
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ผนึกกำลังครั้งสำคัญร่วมกับ
กรมสรรพากร และ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ประกาศนโยบายเชิงรุก "OTOD AI Transformation ปรับเพื่อรอด เปลี่ยนเพื่อเศรษฐกิจไทย" เพื่อส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์
(AI)
ในภาคธุรกิจของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายหลักในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ

พลิกโฉมเศรษฐกิจไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI กลยุทธ์ใหม่รับมือความท้าทาย
ณ อาคาร ดีป้า (สำนักงานใหญ่) ซอยลาดพร้าว 10 โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์
ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า พร้อมด้วย นเรศ บูรณากาญจน์ นักวิชาการภาษีชำนาญการพิเศษ
กรมสรรพากร และ ธนชาต ลาภพานิช นักวิชาการส่งเสริมการลงทุน ระดับชำนาญการพิเศษ
บีโอไอ ร่วมแถลงข่าวและประกาศทิศทางสำคัญ
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์
กล่าวเน้นย้ำถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่า
เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลายประการ เช่น การแข่งขันที่รุนแรง
การขาดแคลนแรงงาน สถานการณ์การส่งออกที่ผันผวน
และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้ "การปรับตัว (Transformation) เป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน" เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ดีป้าจึงเร่งขับเคลื่อนกลไก "AI Transformation" ที่ครอบคลุมทั้งการเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนดิจิทัล
ควบคู่ไปกับการยกระดับ Digital & AI Solution ของไทย
ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับโลกอนาคต กลไกนี้จะถูกขับเคลื่อนด้วยสิทธิประโยชน์นานัปการ
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปประยุกต์ใช้จริงในภาคธุรกิจ

"บัญชีบริการดิจิทัล"
และ "มาตรฐาน dSURE" กลไกสำคัญสู่มาตรฐานสากลและประโยชน์เพื่อธุรกิจ
ดีป้า
มุ่งมั่นขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจไทยผ่านกลไกสำคัญที่ให้ความสำคัญกับทั้ง "คน" ผ่านกลไก Digital Skill Roadmap และ "เทคโนโลยี" ซึ่งเป็นการบูรณาการทำงานอย่างต่อเนื่องกับ
กรมสรรพากร และ บีโอไอ ภายใต้กลไก "บัญชีบริการดิจิทัล"
และ "มาตรฐาน dSURE" กลไกเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลสัญชาติไทยให้ได้มาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและสนับสนุน
โดยเฉพาะการขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการดิจิทัลไทยสามารถเข้าสู่ตลาดภาครัฐได้ รวมถึงมีมาตรการต่าง ๆ
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งานจริงในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
สำหรับ SMEs ดีป้าได้จัดเตรียมมาตรการส่งเสริมในรูปแบบ Matching
Fund (d-transform) โดยตั้งเป้าส่งเสริมไม่น้อยกว่า
600 ราย และ สิทธิ์การใช้ดิจิทัลฟรี
(d-voucher) จำนวนไม่น้อยกว่า 15,000 สิทธิ์
ภายในปี 2569 นอกจากนี้
ยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เกิดจากความร่วมมือกับกรมสรรพากร
ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการลงทุนเทคโนโลยีดิจิทัลมา หักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้สูงสุดถึง
200% ในวงเงินไม่เกิน
300,000 บาท
ยิ่งไปกว่านั้น
บีโอไอยังมีมาตรการยกระดับอุตสาหกรรมด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
โดยเสนอการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับธุรกิจที่ลงทุนในซอฟต์แวร์จากบัญชีบริการดิจิทัล SMEs จะได้รับการยกเว้นภาษีสูงสุด 5
ปีเต็ม 100% ในขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่จะได้รับการยกเว้นภาษี
3 ปี 50% การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการดิจิทัลที่ได้มาตรฐานในบัญชีบริการดิจิทัลจึงมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวเน้นย้ำ

เปิดตัวโครงการเรือธง
"OTOD AI Transformation ช่วยชาติ" ปลุกพลังดิจิทัลสู่รากหญ้า
ภายในงาน มีการเปิดตัวโครงการเรือธงอีกหนึ่งโครงการ
คือ
"OTOD AI Transformation ช่วยชาติ" โดย ดร.ปรีสาร รักวาทิน
รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานส่งเสริมการประยุกต์ใช้ดิจิทัล ดีป้า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่ได้ขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัล
มาประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรม
ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสการลงทุนใหม่ๆ และต่อยอดสู่ตลาดสากล
ในการดำเนินงานระยะแรก โครงการ OTOD
AI Transformation ช่วยชาติ ตั้งเป้าส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรรายย่อย
ผู้ประกอบการ SMEs
ร้านค้ารายย่อย หาบเร่ แผงลอยตลาดสด และเกษตรกร ไม่น้อยกว่า 15,000 ราย รวมถึงกลุ่มธุรกิจภาคการผลิตจำนวน
200 ราย กลุ่มธุรกิจการค้าและบริการจำนวน 300 ราย และกลุ่มเกษตรแปรรูป 100 ราย นอกจากนี้
โครงการยังจะมีการจัดโรดโชว์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านดิจิทัลอย่างครอบคลุม

ดร.ปรีสาร รักวาทิน
อธิบายเพิ่มเติมว่า โครงการ OTOD AI Transformation ช่วยชาติ จะดำเนินการครอบคลุม 2 ส่วนสำคัญ
1. ส่วนที่ 1 การส่งเสริมและสนับสนุน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
ยกระดับธุรกิจด้วยดิจิทัล (d-transform): สนับสนุนสูงสุด 200,000 บาท สำหรับกลุ่มเป้าหมาย SMEs รวม
600 ราย ซึ่งแบ่งเป็น
กลุ่มธุรกิจภาคการผลิต 200 ราย กลุ่มธุรกิจการค้าและบริการ 300 ราย
และกลุ่มเกษตรแปรรูป 100 ราย (ตามมาตรการ d-transform)
เริ่มต้นใช้งานดิจิทัล (d-voucher) ส่งเสริมสิทธิ์การใช้ดิจิทัลเริ่มต้น 6 เดือน
สำหรับกลุ่มเป้าหมายรวม 15,000 ราย ซึ่งประกอบด้วย SMEs ร้านค้าขนาดเล็ก
หาบเร่ แผงลอย 10,000 ราย และเกษตรกร 5,000 ราย (ตามมาตรการ d-voucher) สิทธิ์นี้จะเปิดให้กดรับผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ในวันที่ 1
ตุลาคม นี้
2. ส่วนที่ 2 กิจกรรมกระตุ้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI (กิจกรรมโรดโชว์ OTOD
AI Transformation ช่วยชาติ) กิจกรรมนี้จะจัดขึ้นใน 7
จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ พิษณุโลก
เชียงใหม่ สงขลา ภูเก็ต ชลบุรี อุบลราชธานี และขอนแก่น กิจกรรมสำคัญประกอบด้วย
Workshop เพื่อเพิ่มทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
Showcase พื้นที่แสดงเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการยกระดับธุรกิจ
เวทีเสวนา รับฟังการบรรยายจากผู้ประกอบการดิจิทัล
Business
Matching การจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการเทคโนโลยีดิจิทัลกับผู้ที่กำลังมองหาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับธุรกิจ

ทั้งนี้
การส่งเสริมภายใต้โครงการ OTOD AI Transformation ช่วยชาติ มีเป้าหมายที่จะหนุนธุรกิจ SMEs ร้านค้าขนาดเล็ก
หาบเร่ แผงลอย ตลาดสด และเกษตรกรทั่วประเทศ ให้เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI โดยตั้งเป้าภายในปี
2569 จะส่งเสริมให้ไม่น้อยกว่า 15,600 ราย
ได้ลองใช้ดิจิทัลโซลูชันและได้รับการยกระดับธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เพื่อสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า
500 ล้านบาท (หมายเหตุ:
เงื่อนไขคุณสมบัติและการส่งเสริมเป็นไปตามประกาศสำนักงานฯ)
นอกจากนี้
ภายในงานยังมีการเสวนาในหัวข้อ "บัญชีบริการดิจิทัล
กลไกพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย" เพื่อให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
Tax
200% จากกรมสรรพากร
และสิทธิประโยชน์ของบีโอไอ โดยผู้แทนจากทั้งสองหน่วยงาน พร้อมกับการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "สิทธิประโยชน์การกระตุ้นการยกระดับทักษะดิจิทัลบุคลากร
ด้วยกลไก Digital Skill Roadmap" โดย นางสาวกษมา กองสมัคร
รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า

สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเพื่อขอรับการส่งเสริม
หรือเข้าร่วมกิจกรรมโรดโชว์ภายใต้โครงการ OTOD
AI Transformation ช่วยชาติ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://aitransform.depa.or.th หรือติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ทางเพจเฟซบุ๊ก depa Thailand โครงการนี้จึงถือเป็นความหวังครั้งใหม่ที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวผ่านความท้าทายทางเศรษฐกิจ
และเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน