ผลสำรวจพบเด็กไทยเริ่มเรียนรู้วิธีการจัดการการเงินตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ทั้งฟังค์ชั่นความปลอดภัยในการระบุตัวตน ไปจนถึง agentic AI ส่วนผู้บริโภคคนไทยต้องการนวัตกรรมที่มีคุณภาพ มากกว่าปริมาณ
งานวิจัยชิ้นล่าสุดจากมาสเตอร์การ์ดเผยให้เห็นข้อมูลที่น่าสนใจ เด็กไทยยุค Gen Alpha (เด็กที่เกิดในยุคดิจิทัล ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา) กว่า 86%[1] สามารถเข้าถึงบัญชีการเงินได้แล้ว[2] เด็กไทยยุคยังเริ่มเข้าถึงเครื่องมือทางการการเงินอื่นๆ ทั้งกระเป๋าตังค์ดิจิทัล (67%) บัญชีการลงทุน (57%) และแม้กระทั่งบัตรเครดิต (52%) ควบคู่ไปกับการที่เด็กกลุ่มนี้เริ่มกลายมาเป็นคนแนะนำเทคโนโลยีการเงินให้กับพ่อแม่ของตัวเอง โดยครอบครัวมากกว่าครึ่ง (55%) ยอมรับว่าลูก ๆ เป็นคนแนะนำให้พวกเขารู้จักเทคโนโลยีการเงินที่พ่อแม่เองก็ยังไม่เคยรู้จักมาก่อน
เตรียมพร้อม Gen Alpha สำหรับอนาคตของโลกการเงินดิจิทัล
ข้อมูลสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของครอบครัวไทยที่เปลี่ยนไปอย่างน่าสนใจ โดยผู้ปกครองของเด็ก Gen Alpha ในประเทศไทยส่วนใหญ่คาดหวังให้ลูกๆ ของพวกเขาเติบโตในโลก ที่อาจไม่เคยต้องใช้กระเป๋าสตางค์จริง หรือไม่ต้องถือเงินสดเลย (73%) ในขณะเดียวกัน ผู้ปกครองของเด็กๆ กลุ่มนี้ก็กำลังพยายามปรับตัวให้ทันกับลูกๆ ของพวกเขาเช่นกัน โดย:
· 70% เชื่อว่าลูกของพวกเขามีความเชี่ยวชาญด้านการเงิน มากกว่าพวกเขาในวัยเดียวกัน
· 69% ไม่แน่ใจว่าความรู้ทางการเงินของตนยังสามารถนำไปใช้กับเจเนอเรชันของลูกได้หรือไม่
· 63% ยอมรับว่าลูก ๆ รู้เรื่องวิธีการชำระเงินแบบใหม่ ๆ
มากกว่าพวกเขา
· 88% หวังว่าจะมีเครื่องมือที่จะช่วยสอนเรื่องการเงินให้กับลูกๆ ของพวกเขามากกว่านี้
จากการขยายตัวของกระเป๋าเงินดิจิทัล การชำระเงินทางโทรศัพท์ และบัญชีเสมือน ครอบครัวชาวไทยจำนวนมากจึงกำลังหาวิธีชาญฉลาด และทันสมัยมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ลูกๆ ของพวกเขาประสบความสำเร็จด้านการเงินในอนาคต ความต้องการนี้จึงเปิดโอกาสให้กับธนาคารและสถาบันทางการเงินที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลที่ไม่เพียงแต่ทำให้การจัดการเงินง่ายขึ้น แต่ยังสนับสนุนการเรียนรู้เรื่องการเงินให้กับเด็กๆ ได้ด้วย โดยผู้ปกครองของเด็ก Gen Alpha กำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากกับฟีเจอร์ต่าง ๆ อาทิ การโอนเงินระหว่างบัญชีโดยไร้รอยต่อ (62%) ระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง (58%) สื่อการเรียนรู้ด้านการเงิน (57%) สื่อการเรียนรู้แบบจำลองโลกเสมือนจริง (50%) และประสบการณ์ในรูปแบบเกม (41%)
คนไทยพร้อมเปิดรับวิธีการชำระเงินแบบใหม่ๆ
ถึงแม้ว่า Gen Alpha จะเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยีการเงินแบบใหม่ แต่ผู้บริโภคชาวไทยในช่วงวัยอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยเปิดรับนวัตกรรมการชำระเงินแบบใหม่กันมากขึ้นเช่นกัน
· งานศึกษาชี้ให้เห็นว่า
ในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคชาวไทยเกือบทั้งหมด
(95%) เคยใช้วิธีการชำระเงินดิจิทัล เช่น การชำระด้วยการแตะผ่านมือถือ การชำระด้วยข้อมูลชีวภาพ คิวอาร์โค้ด และกระเป๋าเงินดิจิทัล และกว่า 72% กล่าวว่าพวกเขาใช้งานสิ่งเหล่านี้เพิ่มขึ้นจากเดิม
· ความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีการเงินของคนไทยก็โดดเด่นเช่นกันเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยผู้บริโภคชาวไทยเกือบทั้งหมด (99%) มีแนวโน้มที่จะใช้ระบบการชำระเงินดิจิทัลภายในปีหน้า
·ผู้บริโภคชาวไทยอีกกว่า 58% ชอบใช้วิธีการชำระเงินแบบใหม่และที่ล้ำสมัยกว่าวิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิมอย่างเงินสด หรือการรูดบัตร ซึ่งสูงกว่าอเมริกาเหนือ (25%) ยุโรป (24%) และแม้กระทั่งเอเชียแปซิฟิก (53%) อย่างเห็นได้ชัด
แนวโน้มการรับวิธีการชำระเงินแบบใหม่ได้ขยายตัวพร้อมกับการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังมาแรงด้วย โดยกว่า 91% ของผู้บริโภคชาวไทย (เทียบกับ 86% ของผู้บริโภคในเอเชีย แปซิฟิก) กำลังสนใจการใช้ AI ในการจัดการการเงินของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตรวจสอบการฉ้อโกง, ระบบการชำระเงินอัตโนมัติ, การคาดการณ์ผลลัพธ์ทางการเงิน, และการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล
รายงานชิ้นนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการจริง ไม่ใช่การดัดแปลงจากระบบเดิม ด้วยเหตุนี้ มาสเตอร์การ์ดจึงได้ลงทุนในการยกระดับประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานบนมือถือเป็นหลัก และนำเทคโนโลยี agentic AI อย่าง Agent Pay มาช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในทุกขั้นตอนของการทำธุรกรรม
สำหรับคนไทย ความสะดวกสบายต้องมาก่อน
เมื่อตัวเลือกในการชำระเงินมีมากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคย่อมแสวงหาวิธีที่สะดวกและง่ายที่สุดในการจัดการเงินให้เข้ากับพฤติกรรมในโลกดิจิทัลของพวกเขา คนไทยต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่งวิธีการชำระเงิน พร้อมใช้เทคโนโลยีการชำระเงินสมัยใหม่ อาทิ การโอนเงินระหว่างบุคคล การชำระเงินจากลูกค้าถึงร้านค้า คิวอาร์โค้ด การทำธุรกรรมการค้าบนอุปกรณ์พกพา หรือสื่อโซเชียลมีเดีย
· Super apps กำลังกลายเป็นมาตรฐานการชำระเงินแบบใหม่: 77% ของผู้บริโภคชาวไทยใช้หรือต้องการ
แอปการชำระเงินที่ครบจบในแอปเดียว เพื่อที่จัดการทั้งการชำระเงิน ช้อปปิ้ง และบริการอื่นๆ เมื่อแพลตฟอร์ม super apps เข้ามาเป็นกระแสหลักมากยิ่งขึ้น
เครื่องมือการชำระเงินจึงต้องไปพบผู้ใช้ในจุดที่พวกเขาอยู่
ไม่ใช่ให้ผู้ใช้ต้องปรับตัวตาม
การช้อปปิ้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการค้า: ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่าครึ่ง (52%)
ชอบซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชันหรือสื่อสังคมออนไลน์
ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (39%) ผู้บริโภคชาวไทยกว่า 70%
ยังกล่าวว่าอินฟลูเอนเซอรมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของพวกเขาในปัจจุบันการผสานระบบชำระเงินเข้าไปในแอปสื่อสังคมออนไลน์จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนคนอ่านให้กลายเป็นคนซื้อ
· ความเชื่อมั่นและความปลอดภัยต้องมาอันดับแรก: แม้ว่า 73% ของผู้บริโภคชาวไทยมองว่าการชำระเงินแบบระบุตัวตนนั้นมีความปลอดภัยมากกว่าวิธีแบบดั้งเดิม แต่อีกกว่า 77% ยังคงกังวลเกี่ยวกับผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของพวกเขา ปัญหานี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการทำให้ในการทำให้ระบบความปลอดภัยเข้าใจง่าย โดยไม่ต้องสูญเสียการควบคุมและความสะดวกสบายของผู้ใช้ โซลูชันจากมาสเตอร์การ์ด อย่าง Tokenization, Payment Passkeys และ AI-driven authentication จะช่วยปิดช่องโหว่เรื่องความเชื่อมั่นในส่วนนี้ได้
"ผู้บริโภคชาวไทยกำลังส่งสัญญาณอย่างชัดเจนถึงความคาดหวังและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป พวกเขาต้องการประสบการณ์การชำระเงินที่ไม่เพียงแต่รวดเร็วและปลอดภัย แต่ยังต้องผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลได้อย่างไร้รอยต่อ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาวิธีการชำระเงินดิจิทัลที่ฉลาดและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน โดยสถาบันการเงินต้องปรับตัวให้พร้อมต่อการมอบทางเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย และให้ความสำคัญกับนวัตกรรมเพื่อให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป มาสเตอร์การ์ดสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านนี้ด้วยโซลูชันนวัตกรรมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์และเข้าถึงผู้บริโภคในทุกที่ที่พวกเขาต้องการ" วินนี่ วอง ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมา มาสเตอร์การ์ด กล่าว
ระเบียบวิธีวิจัย
ข้อค้นพบในรายงานชิ้นนี้ ใช้ฐานการทำวิจัยจากทั่วโลกโดย The Harris Poll ในนามของมาสเตอร์การ์ด ผลสำรวจมาจากการรวบรวมข้อมูลแบบสอบถามจากผู้บริโภคกว่า
19,302 ราย จาก 5 ภูมิภาคทั่วโลก
โดยมีผู้บริโภคจากภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก 9,131 ราย และ 1,005
รายจากประเทศไทย งานศึกษาชิ้นนี้จัดทำโดยใช้การสำรวจออนไลน์เชิงปริมาณ
เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน ไปจนถึง 20 กันยายน ปี 2024 ครอบคลุมทั่วทั้ง 5 ภูมิภาค คือ อเมริกาเหนือ, ละตินอเมริกาและแคริบเบียน, ยุโรป, ตะวันออกกลางและแอฟริกา, และเอเชียแปซิฟิก สำหรับตลาดเอเชียแปซิฟิก ประกอบด้วย ออสเตรเลีย, จีน, อินเดีย, อินโดนีเซีย,
ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไทย, และเวียดนาม
เกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ด (NYSE:
MA), www.mastercard.com
มาสเตอร์การ์ด (Mastercard) ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้คนในกว่า
200 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก
โดยร่วมมือกับลูกค้าในการสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนที่ทุกคนมีโอกาสเติบโตได้อย่างเท่าเทียม
เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนทางเลือกการชำระเงินดิจิทัลในหลากหลายรูปแบบ
เพื่อทำให้การทำธุรกรรมนั้นปลอดภัย ง่ายดาย ชาญฉลาด และเข้าถึงได้
นอกจากนี้เรายังได้ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าด้วยกัน
ทำงานร่วมกับพันธมิตรและเครือข่ายของเราเพื่อมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีเอกลักษณ์เพื่อช่วยให้ผู้คน
ธุรกิจ และภาครัฐ สามารถบรรลุศักยภาพและเป้าหมายสูงสุดที่ตั้งไว้