1 ก.ย. 2568 92 0

สวทช. ร่วมกับ หน่วยงานพันธมิตร จัดใหญ่! 'TAIST-Science Tokyo' เปิดเวทีระดับโลก โชว์ศักยภาพ-สร้างแรงบันดาลใจให้นักวิทย์ฯ รุ่นใหม่ 1-3 ก.ย. นี้

สวทช. ร่วมกับ หน่วยงานพันธมิตร จัดใหญ่!  'TAIST-Science Tokyo' เปิดเวทีระดับโลก โชว์ศักยภาพ-สร้างแรงบันดาลใจให้นักวิทย์ฯ รุ่นใหม่ 1-3 ก.ย. นี้


ระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยพันธมิตร จัดงานประชุมวิชาการ TAIST-Science Tokyo: วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพัฒนากำลังคนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เพื่อรายงานความก้าวหน้าโครงการในการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ และประกาศขยายความร่วมมือ โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ณ โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ กรุงเทพฯ


ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า “โครงการ TAIST-Science Tokyo เป็นโครงการที่สะท้อนนโยบายของ กระทรวง อว. ในด้านของการพัฒนากำลังคนคุณภาพสูงให้สอดคล้องประเทศกับความต้องการของประเทศในยุคที่เทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยดำเนินงานภายใต้แฟลตฟอร์มที่เรียกว่า Manpower and Knowledge Development ด้วยการพัฒนาระบบ National Brain Power Ecosystem สนับสนุนการผลิตบุคลากรคุณภาพระดับวิจัยและนวัตกรรม ทั้งที่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงเน้นการพัฒนากำลังคนที่มีทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย อุตสาหกรรม S-Curve และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Lifelong Learning เพื่อรองรับการ Reskilling และ Upskilling นอกจากนี้ ในปี 2568 นี้ ได้มีการเปิดหลักสูตรใหม่ Biomedical Engineering And AI เพื่อรองรับอุตสาหกรรมสุขภาพและเทคโนโลยีสมัยใหม่ และยังได้จับมือพันธมิตรใหม่ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เข้าร่วมในหลักสูตร “วิศวกรรมยานยนต์และระบบรางขั้นสูง (A2TE)” ทำให้มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งและสามารถพัฒนากำลังคนที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ”


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า “โครงการ TAIST-Science Tokyo เป็นโครงการที่ วช. ให้การสนับสนุนทุนวิจัยและทุนพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดบุคลากรที่มีคุณภาพสูง ซึ่งโครงการนี้เป็นการบูรณาการทรัพยากรและความเชี่ยวชาญหลายภาคส่วน ทั้งในด้านความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและสังคมในอนาคต จนเป็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยสามารถผลิตบัณฑิตคุณภาพกว่า 600 คน ที่กระจายกำลังไปในภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และสถาบันการศึกษาชั้นนำ รวมถึงการต่อยอดสู่การศึกษาระดับปริญญาเอกทั้งในและต่างประเทศ”


ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “สวทช. มีความยินดีและภาคภูมิใจในโครงการ TAIST-Science Tokyo เนื่องจากเป็นตัวอย่างความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิจัย สถาบันการศึกษา และพันธมิตรต่างประเทศ โดยเฉพาะ Institute of Science Tokyo ที่ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรระดับนานาชาติ สร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาประเทศ สำหรับความพิเศษ คือ ในปี 2568 มีการเปิดหลักสูตรใหม่ และการขยายพันธมิตรใหม่ เพื่อรองรับความท้าทายด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นับเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนากำลังของประเทศ”


ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการว่า “ในปี 2568 นี้ โครงการ TAIST-Science Tokyo นอกจากจะมีการเปิดตัวหลักสูตรวิศวกรรมยานยนต์และระบบขนส่งขั้นสูง (A2TE) และมีพันธมิตรใหม่ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว การจัดงานประชุมวิชาการในครั้งนี้ เพื่อเป็นการแถลงทิศทางและความก้าวหน้าของโครงการ พร้อมเสนอผลลัพธ์เชิงนโยบายจากการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และเผยแพร่ผลงานดีเด่นของนักศึกษาที่พร้อมต่อยอดสู่เวทีนานาชาติ และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียน นักศึกษาในการพัฒนาตนเองเพื่อก้าวสู่เวทีอาชีพในอนาคตอีกด้วย”


รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ (BART LAB) คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (ระหว่างปี 2558-2566) กล่าวว่า “หลักสูตร Biomedical and AI เป็นความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (KU) สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ Tokyo Medical and Dental University (TMDU) ประเทศญี่ปุ่น โดยมุ่งบูรณาการความรู้ด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ทั้งนี้มหาวิทยาลัย มหิดลซึ่งมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ และมีการริเริ่มเปิดหลักสูตร Biomedical Engineering ตั้งแต่ปี 2541 นับเป็นแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และต่อยอดสู่การสร้างเครือข่ายนักวิจัยและบัณฑิตที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการบุคลากรด้านการแพทย์ เทคโนโลยี และสาธารณสุขในอนาคต


“โครงการ TAIST-Science Tokyo” ซึ่งได้เริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2551 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2565 เป็นต้นมา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ให้การสนับสนุนทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาบุคลากรวิจัยและวิศวกรรมทักษะสูงตามความต้องการของประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมและต่อยอดไปสู่การนำเสนอในเวทีวิชาการระดับนานาชาติ และเป็นการสร้างและส่งเสริมเครือข่ายความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียน นักศึกษา ที่เข้าร่วมทราบถึงโอกาสในการเรียนและศึกษาต่อ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่เวทีอาชีพ รวมถึงสร้างความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและภาควิจัย เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและการพัฒนากำลังคนอย่างยั่งยืน