ปัจจุบัน อาชญากรรมออนไลน์มาในทุกรูปแบบ ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรง และสร้างผลกระทบตลอดจนความเสียหายมาสู่พี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ขยายบทบาทป้องกันเชิงรุก เดินหน้าร่วมมือหน่วยงานพันธมิตรหลายภาคส่วน รณรงค์ผ่านสื่อนอกบ้าน (Out of Home) เพื่อเตือนสติให้ทุกคนระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลเกินความจำเป็น มุ่งสู่การลดอาชญากรรมออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ
พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ
เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เผยว่า จากสถานการณ์อาชญากรรมทางออนไลน์ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน
จึงผลักดันให้ ฝ่ายสื่อสารองค์กร เร่งเตือนสติประชาชนให้ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง
นอกเหนือจากการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อสื่อสารให้ประชาชนเกิดความตระหนักรู้
โดยการรณรงค์ผ่านสื่อนอกบ้าน (Out
of Home) ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางเชิงรุกที่ช่วยให้ประชาชนสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้ทันเวลา
ด้วยปัจจุบันสื่อดังกล่าว เป็นสื่อที่เดียวในบรรดาสื่อดั้งเดิมทั้งหมดที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในครึ่งปีแรก 2568
มีมูลค่าประมาณ 7,041 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของสื่อ Out of Home ประเภท Outdoor มีจุดเด่นของจอดิจิทัลคือสามารถเปลี่ยนเนื้อหาได้หลากหลาย
เชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย และนำเสนอคอนเทนต์ตามช่วงเวลาได้
โดย สคส. ได้เดินหน้าขยายบทบาทการทำงานในเชิงรุก ผ่านความร่วมมือกับ กรุงเทพมหานครฯ สมาคมธนาคารไทย ไปรษณีย์ไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพันธมิตรหลากหลายภาคส่วน เพื่อร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านสื่อ Out of Home ซึ่งเป็นช่องทางที่ประชาชนเข้าถึงได้ในชีวิตประจำวันโดยตรง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้ผู้คนตื่นตัวในการป้องกันการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการถูกหลอกลวงจากอาชญากรรมทางออนไลน์
พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ กล่าวย้ำต่อไปว่า
การจับมือกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนในครั้งนี้
ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนเป็นอย่างดี
สามารถประหยัดงบประมาณแผ่นดินไปได้มากกว่า 43 ล้านบาทต่อปี โดย สคส. ต้องการเตือนสติให้กับประชาชนได้ระมัดระวังในเรื่องการให้ข้อมูลส่วนบุคคล
เน้นการรณรงค์ที่เข้าใจง่ายและสามารถสื่อสารกับประชาชนได้ดีในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง
เช่น การเตือนสติขณะทำธุรกรรมผ่านตู้ ATM เพื่อให้ประชาชนมีสติก่อนการทำธุรกรรมต่างๆ
โดยเฉพาะการโอนเงิน หรือที่บริเวณตอม่อ รถไฟฟ้า และป้ายรถเมล์อัจฉริยะ
ซึ่งเป็นจุดที่ประชาชนสามารถพบเห็นได้โดยง่าย รวมถึงการเร่งดำเนินการติดตั้งข้อความสำคัญในสื่อรูปแบบอื่นๆ ทั้งป้ายประกาศ, จอภาพ LED เป็นต้น
สคส.
ตั้งใจให้การสื่อสารเชิงรุกครั้งนี้เป็นมากกว่าการรณรงค์ทั่วไป
แต่เป็นการเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยให้ได้มากที่สุด
เพื่อเป็นการส่งสารเตือนสติสั้น ๆ
ที่เพียงพอจะหยุดยั้งการสูญเสียด้านทรัพย์สินและการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างทันท่วงที
ขณะเดียวกันยังเชื่อมั่นว่าหากสังคมช่วยกันระมัดระวังและพูดเตือนกันอย่างต่อเนื่อง
จะเป็นวิธีหนึ่งในการลดโอกาสตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่หมุดหมายของการลดข้อมูลรั่วไหลเป็น
“0”
ได้ในที่สุด
หากพบเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
สามารถติดต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) โทร. 02-111-8800
หรืออีเมล: saraban@pdpc.or.th