บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สร้างความฮือฮาในแวดวงธุรกิจโทรคมนาคม ด้วยการประกาศการปฏิรูปองค์กรครั้งสำคัญ และการแต่งตั้งคณะผู้บริหารชุดใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 โดยยึดมั่นในวิสัยทัศน์ที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นอันดับแรก หรือ "AI-First Company" และมุ่งเน้นลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ พร้อมกันนี้ ทรูฯ ยังได้ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ที่สามารถทำกำไรสุทธิเป็นบวกได้เป็นไตรมาสที่สองในประวัติศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการควบรวมกิจการและการเปลี่ยนผ่านองค์กรที่กำลังดำเนินไปอย่างแข็งแกร่ง
ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เน้นย้ำว่า การปรับโครงสร้างองค์กรและการจัดทัพผู้นำใหม่ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ทรู คอร์ปอเรชั่น มีศักยภาพพร้อมในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ความคาดหวังของลูกค้า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลาดอุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและผันผวนอย่างรุนแรง โครงสร้างองค์กรใหม่นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเรียบง่าย ลดขั้นตอนการตัดสินใจ และทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดและเทคโนโลยี
5 หลักการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ปฏิรูปองค์กร ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้วางรากฐานการออกแบบโครงสร้างองค์กรใหม่และจัดคณะผู้บริหารระดับสูงโดยยึด 5 หลักการสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว
ผู้นำด้านประสบการณ์ลูกค้า (Customer Champion): ทรูกำหนดเป้าหมายที่จะยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ทัดเทียมกับมาตรฐานระดับโลกที่ตั้งโดยบริษัทชั้นนำอย่าง Netflix, Google, Amazon และ Microsoft บริษัทจะเน้นการบริหารจัดการคุณค่าลูกค้า (Customer Value Management: CVM) โดยมุ่งเน้นการเติบโตของมูลค่าจากลูกค้าปัจจุบันผ่านการนำเสนอบริการที่หลากหลายนอกเหนือจากการเชื่อมต่อข้อมูล เช่น บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ ประกันภัย หรือความบันเทิง. เป้าหมายคือการลดการเปลี่ยนผ่านของลูกค้าที่ไม่ใช่ลูกค้าที่แท้จริง และส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านลูกค้าสู่ช่องทางดิจิทัล โดยตั้งเป้าให้ 30% ของทุกความต้องการของลูกค้าสามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชันภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่เกือบ 20%
บริการดิจิทัลเพื่อความสุขในบ้าน (Win the Home): ทรูมุ่งมั่นที่จะตอบสนองกลุ่มผู้อยู่อาศัยในประเทศไทย ซึ่งมีครัวเรือนกว่า 23 ล้านครัวเรือน (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ) ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อดิจิทัลไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในที่เดียว บริษัทจะมุ่งเน้นการเชื่อมต่อบ้านด้วยไฟเบอร์ และนำเสนอนวัตกรรมสมาร์ทโฮม โซลูชันความบันเทิง และบริการบรอดแบนด์สำหรับผู้อาศัย ทั้งบุคคลคนเดียวหรือครอบครัวขยายที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง. ทรูเล็งเห็นว่าในอนาคตสิ่งของส่วนใหญ่ในบ้านจะมีเซ็นเซอร์หรือซิมการ์ดและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยมีเป้าหมายใน 6 ปีข้างหน้าคือการเชื่อมต่อบ้านกว่า 10 ล้านครัวเรือน (จาก 21 ล้านครัวเรือนที่ยังไม่ได้เชื่อมต่อ) และนำเสนอบริการที่ทำให้บ้านเป็นดิจิทัลมากขึ้น เช่น บริการสมัครสมาชิกสำหรับ AI ที่ปรับให้เข้ากับวัตถุต่างๆ ในบ้าน
เร่งการเปลี่ยนผ่านธุรกิจลูกค้าองค์กรสู่ดิจิทัล (Accelerating B2B Digital Transformation): ทรูบิสิเนสจะมุ่งสู่การเป็นผู้นำในตลาดลูกค้าองค์กรและ SME แม้ปัจจุบันรายได้จากองค์กรและ SMEs จะคิดเป็นเพียง 78-80% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในเอเชีย ทรูฯ มองเห็นโอกาสในการเติบโตอย่างมากในส่วนนี้ บริษัทจะนำเสนอโซลูชันและบริการเพิ่มเติมสำหรับธุรกิจ นอกเหนือจากการขายซิมการ์ดและการเชื่อมต่อข้อมูล เช่น การสร้างแพลตฟอร์มเพื่อช่วย SMEs ในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จากการโจมตีผ่านเครือข่าย หรือการจัดการต้นทุน
ขับเคลื่อนอนาคตด้วย AI (Empowering the Future with AI): ทรู คอร์ปอเรชั่น วางยุทธศาสตร์ขึ้นเป็น "AI-First Company" บริษัทที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นอันดับแรกในการดำเนินงานและนำมาใช้ในทุกด้าน ตั้งแต่การทำงาน การวางแผน การจัดการความรู้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างคล่องตัว สามารถปรับตัวทันทีตามสถานการณ์ และสร้างจุดแข็งทางการแข่งขันที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นในระยะยาว ทรูฯ จะแต่งตั้ง Chief AI Officer เพื่อนำ AI มาใช้ในทุกส่วนของบริษัท ตั้งแต่การดำเนินงาน การสื่อสารกับลูกค้า ไปจนถึงการสร้างรายได้ใหม่. นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาทักษะด้าน AI ของพนักงานทุกคน โดยภายในสิ้นปีนี้ 100% ของพนักงานจะมีทักษะ AI พื้นฐาน นอกจากนี้ยังเน้นแนวคิด "Cloud First" ในการใช้โครงสร้างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแบบคลาวด์เพื่อการบริหารจัดการและการดำเนินงานของธุรกิจ
มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Sharpened Focus on Digitalization): ทรูวางกลยุทธ์มุ่งสู่ความเป็น "Legacy Free" โดยปลดล็อกจากข้อจำกัดของระบบเดิมเพื่อเปิดทางสู่ความคล่องตัวและการปรับตัวอย่างรวดเร็ว การสร้าง Digital & Omni-channel Customer Journey จะเป็นหัวใจสำคัญของการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ไร้รอยต่อในทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ แอปพลิเคชัน และคอลเซ็นเตอร์ โดยมีข้อมูลลูกค้าเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ. ทรูฯ ตั้งเป้าให้ลูกค้าทุกรายสามารถทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันได้ครบทุกรูปแบบ นอกจากนี้ การขับเคลื่อนองค์กรด้วย Automation จะช่วยลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความแม่นยำ และปลดศักยภาพพนักงานให้ไปโฟกัสกับการสร้างคุณค่าสู่ลูกค้าอย่างแท้จริง
การปรับโครงสร้างการบริหารและบุคลากรครั้งสำคัญ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านประสบการณ์ลูกค้าแบบครบวงจรและก้าวสู่การเป็น "AI-First Company" ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการให้แบนราบและมีลำดับชั้นน้อยลง พร้อมแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงเข้ามารับผิดชอบภารกิจสำคัญนี้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568
ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 แข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนการลงทุนเครือข่าย ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ด้วยความภาคภูมิใจ โดยสามารถทำกำไรสุทธิเป็นบวกได้เป็นไตรมาสที่สองในประวัติศาสตร์ แม้เผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายหลายประการ ทั้งรายได้และ EBITDA ยังคงทรงตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จตามแผนการควบรวมกิจการและการเปลี่ยนผ่านองค์กรครั้งสำคัญ. ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ทรูฯ เผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อเครือข่ายประสบปัญหาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งส่งผลให้บริษัทต้องชดเชยลูกค้าอย่างเต็มที่ คิดเป็นสัดส่วนหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของรายได้ อย่างไรก็ตาม แม้ต้องรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และความขัดแย้งบริเวณชายแดน บริษัทก็ยังคงรักษาระดับรายได้ (revenues) และ EBITDA (กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ให้ทรงตัวได้
ซิกเว่ กล่าวเพิ่มเติมถึงเป้าหมายในระยะ 6 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะด้านเครือข่ายที่ตั้งเป้าจะเสร็จสิ้นโครงการ One Network 100% ภายในเดือนกันยายน ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับสัญญาณ 5G/4G ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น คลื่นความถี่ 2300 MHz ที่ประมูลมาล่าสุดจำนวน 70 MHz ซึ่งมีความจุเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 10 MHz จะทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 17% ทันที และคลื่น 2300 MHz สามารถรองรับการใช้งาน 5G ได้ในอนาคต ทรูฯ ยังประสบความสำเร็จในการประมูลคลื่นความถี่ 700 MHz เพิ่มเติมอีก 10 MHz ทำให้มีขีดความสามารถของเครือข่าย 5G เพิ่มขึ้น 17% ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถเป็นผู้นำด้าน 5G ได้ นอกจากนี้ ทรูฯ จะยกระดับประสบการณ์ใช้งาน 5G บนคลื่น 2600 MHz ด้วยการใช้เทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) ที่จะช่วยให้การใช้งานสัดส่วน 5G และ 4G ยืดหยุ่นตามสัดส่วน และ 5G จะสามารถเปิดให้บริการเต็มศักยภาพแบนด์วิดท์ทั้ง 90 MHz การเปลี่ยนแปลงทั้งสองนี้คาดว่าจะเห็นผลอย่างชัดเจนในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม. ที่น่าประหลาดใจคือ ทรูฯ ยังได้ประมูลคลื่นความถี่ 1500 MHz มาได้ ซึ่งปัจจุบันเป็นคลื่นที่ใช้ใน iPhone และ Samsung Galaxy รุ่นใหม่ๆ และจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นในอนาคต ทำให้มีคลื่นความถี่พิเศษเพื่อเพิ่มความเร็วและขยายเครือข่ายต่อไปได้ การลงทุนในคลื่นความถี่เหล่านี้คาดว่าจะส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 7.1 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 5.3 พันล้านบาทต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2568 เนื่องจากเปลี่ยนจากการเช่าคลื่นความถี่เป็นสินทรัพย์ที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง
ในด้านการบริการดิจิทัล ทรูตั้งเป้าให้ลูกค้าทุกรายสามารถทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันได้ครบทุกรูปแบบ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีลูกค้าหันมาใช้ช่องทางดิจิทัลแล้ว 19% และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง. ด้านประสบการณ์ลูกค้า ทรูจะมอบการบริการไร้รอยต่อทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน คอลเซ็นเตอร์ หรือแอปพลิเคชัน โดยลูกค้าสามารถเริ่มต้นธุรกรรมในช่องทางหนึ่งแล้วไปทำต่อในอีกช่องทางได้อย่างต่อเนื่อง เช่น สอบถามผ่านคอลเซ็นเตอร์แล้วมาดำเนินการต่อที่หน้าร้าน หรือสลับไปใช้แอปได้ทันที เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ทุกความต้องการ
การก้าวสู่ยุค AI และการพัฒนาทักษะพนักงาน ทรูฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการใช้ AI ในการดำเนินงานต่างๆ เพื่อลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากมนุษย์ ตัวอย่างการใช้ AI เช่น การควบคุมการใช้ไฟฟ้าของสถานีฐานในเวลากลางคืน การคาดการณ์ความจำเป็นในการบำรุงรักษาอุปกรณ์เครือข่าย การใช้ AI Chatbot แทนพนักงาน Call Center การทำความเข้าใจลูกค้าเพื่อนำเสนอแพ็กเกจที่ดีที่สุด รวมถึงการประมวลผลงาน HR และการเงิน. อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการที่ละเอียดอ่อน เช่น การจัดการการฉ้อโกง หรือการพิจารณาความอ่อนไหวทางวัฒนธรรม ยังคงมีคนเข้ามาดูแลเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ทรูฯ ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับทักษะของพนักงาน โดยตั้งเป้าให้พนักงาน 60% มีความสามารถพื้นฐานด้าน AI และ 30% มีการฝึกอบรมขั้นสูงขึ้น และ 10% เป็นผู้เชี่ยวชาญ AI เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนพร้อมรับมือกับการเดินทางสู่ยุค AI
ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนและนโยบายเงินปันผล ทรูฯ ยังได้ให้คำมั่นด้านความยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) ภายในปี 2573 และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (zero carbon emission) ภายในปี 2593 รวมถึงการยกระดับธรรมาภิบาลของบริษัทและการช่วยเหลือสังคมในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ในด้านนโยบายเงินปันผล บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อย 50% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ และคาดว่าจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลในช่วงปลายปีนี้ โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงาน 9 เดือน. สำหรับเป้าหมายทางการเงินที่ได้ประกาศต่อสาธารณะ ได้แก่ การเติบโตของรายได้รวมทั้งครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังที่ 0-1% การเติบโตของ EBITDA ที่ 7-8% และค่าใช้จ่ายลงทุน (CAPEX) ประมาณ 30 ล้านบาท บริษัทจะยังคงลดหนี้สินอย่างต่อเนื่อง
ความท้าทายและการก้าวไปข้างหน้า แม้จะประสบความสำเร็จ ทรูฯ ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยมหภาค เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวและแรงงานข้ามชาติที่ลดลง รวมถึงผลกระทบจากอัตราภาษี อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายที่อุตสาหกรรมเผชิญร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะทรูฯ เท่านั้น ความท้าทายภายในองค์กรคือการสร้างวัฒนธรรมเดียวและแบรนด์เดียวให้เกิดขึ้นจริง และการทำให้การควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
โดยรวมแล้ว ทรู คอร์ปอเรชั่น กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ มุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีและโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อเป็นผู้นำในตลาดดิจิทัลและสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นในระยะยาว การควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคได้ก่อให้เกิดบริษัทใหม่คือ ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเปรียบเสมือนการ "เปลี่ยนเครื่องยนต์ของเครื่องบินในขณะที่กำลังบินอยู่" เนื่องจากต้องคงขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดพร้อมกับการจัดการปัญหาจากการรวมสองบริษัทเข้าด้วยกัน ซึ่งการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ถือว่า "เป็นไปตามแผน"
ทรูฯ ยังได้ประกาศปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการ กสทช. ในการกำหนดราคาแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตขั้นต่ำสำหรับลูกค้าที่ 200 บาท จากเดิม 240 บาท ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดหลังการควบรวมกิจการ