31 ก.ค. 2568 265 0

TRUE เสนอแนวคิด Data for Good ที่ AI ทำหน้าที่ด้วยความสุภาพ ปราศจากอคติ ออกแบบโดยยึดคนเป็นศูนย์กลาง

TRUE เสนอแนวคิด Data for Good ที่ AI ทำหน้าที่ด้วยความสุภาพ ปราศจากอคติ ออกแบบโดยยึดคนเป็นศูนย์กลาง


ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วราวกับ “Perfect Storm” พายุที่เร่งขับเคลื่อนโลกไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด ทุกสิ่งเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม เมือง ไปจนถึงชีวิตผู้คน ทั้งหมดนี้ ล้วนสร้าง “ดาต้า” ขึ้นอย่างมหาศาล ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้ โลกจะสร้างดาต้ามากถึง 181 เซตตะไบต์ โดย 1 เซตตะไบต์ เทียบเท่ากับการดูวิดีโอที่ความคมชัดระดับ HD นานถึง 36 ล้านปี

คำถามสำคัญคือ เราจะเปลี่ยนดาต้าจำนวนมหาศาลนี้ให้กลายเป็นพลังเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกได้อย่างไร? ในเวที GCNT Expo 2025 จัดโดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (GCNT) ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ร่วมแบ่งปันมุมมอง ในหัวข้อ Data for Good: Greener Planet, Inclusive Society and Stronger Governance” เสนอแนวทางการใช้ประโยชน์จากดาต้า ควบคู่ไปกับเทคโนโลยี AI ขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติ  ESG

Data For a Greener Planet: ขับเคลื่อนเครือข่ายด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและพลังงานสะอาด

ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าลดการใช้พลังงานและต้นทุนอย่างต่อเนื่อง หลังการควบรวมกิจการ บริษัทฯ สามารถลดการใช้พลังงานลงได้ 9% และลดต้นทุนด้านพลังงานลง 19% พร้อมตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในระบบเครือข่ายทั่วประเทศภายใน 3 5 ปีข้างหน้า ผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียน การอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐาน และการใช้ AI เข้ามาช่วยบริหารจัดการพลังงานในสถานีฐานกว่า 10,000 แห่ง โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ทรูสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่สถานีฐานได้ถึง 14,051 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 1.4 ล้านต้น นอกจากนี้ ยังร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม “Greenhouse Gas Emissions Data Platform” เพื่อสนับสนุนพันธมิตรซัพพลายเชน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero ไปพร้อมกัน

Data For Good: ดึง Mobility Data ปั้นซัพพลายใหม่ท่องเที่ยวไทย แก้ท่องเที่ยวชะลอตัว ด้วยแนวคิด “Cluster Tourism”


ข้อมูลการใช้บริการมือถือ (Mobility Data) สามารถนำมาแก้ปัญหาใหญ่ๆ ของประเทศได้ หนึ่งในตัวอย่างความร่วมมือกับหลายภาคี คือการนำข้อมูลการใช้บริการมือถือมาชุบชีวิตอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตอย่างเชื่องช้า กล่าวคือ ย้อนกลับไปปี 2562 ก่อนโควิด-19 การท่องเที่ยวสร้างรายได้สูงถึง 19% ของ GDP ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน แต่หลังการระบาด ทิศทางการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ประเทศเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นและเวียดนามฟื้นตัวเร็ว เติบโตถึง 112% และ 68% ตามลำดับ ขณะที่ไทยฟื้นตัวเพียง 47% ต่ำกว่าระดับก่อนโควิดถึง 12% แม้การท่องเที่ยวจะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งภาวะ “นักท่องเที่ยวล้นเมือง” (overtourism) กระจุกตัวอยู่แค่ในบางพื้นที่ เกิดความเหลื่อมล้ำในกลุ่มเมืองรอง

การนำ Mobility Data มาใช้ประโยชน์ คืออีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน ทั่วถึง และเท่าเทียมยิ่งขึ้น ข้อมูลการเดินทางช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในเชิงลึก และมองเห็นรูปแบบการเดินทางใหม่ที่สามารถต่อยอดสู่การพัฒนาเป็น 'เมืองน่าเที่ยว' ภายใต้กลยุทธ์ 'Cluster Tourism' เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวพักค้างคืนในเมืองรอง และเพิ่มการกระจายรายได้สู่คนในท้องถิ่นอย่างแท้จริงซิกเว่ กล่าว

จากการวิเคราะข้อมูลการเดินทางผ่านการใช้งานโทรศัพท์มือถือแบบไม่ระบุตัวตน (Mobility Data) ตามนโยบายปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัดนั้น พบว่าเส้นทางการท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพ มีจำนวนถึง 21 เส้นทาง โดยอาศัยเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่เชื่อมโยงเป็นเส้นทางการเดินทางใหม่ ตัวอย่างหนึ่งคือ คลัสเตอร์ภาคเหนือ เชียงใหม่–ลำพูน–ลำปาง แม้พื้นที่นี้จะมีศักยภาพสูง แต่นักท่องเที่ยวเพียง 20% เท่านั้นที่ค้างคืนในลำพูนและลำปาง ข้อมูลยังชี้ว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ชื่นชอบวัฒนธรรมและมีศักยภาพการใช้จ่ายสูง เป็นกลุ่มเป้าหมายที่สามารถพัฒนาได้ จากข้อมูลเชิงลึกนี้ นำไปสู่ข้อเสนอแนะในการวางนโยบายและจัดแคมเปญที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กีฬากอล์ฟ และวัฒนธรรม เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย เดินทางมาพักค้างในจังหวัดที่มีอัตราการพักค้างต่ำ สร้างรายได้อย่างเท่าเทียม

Data Meets Governance: ใช้ AI อย่างมีจริยธรรม สะท้อนหลักธรรมาภิบาลที่เข้มงวด


ทรู คอร์ปอเรชั่น ย้ำจุดยืนด้านธรรมาภิบาลในยุคปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะในเรื่องการใช้ข้อมูลเพื่อฝึกระบบ AI ให้มีจริยธรรมและโปร่งใส โดยปัจจุบัน ทรู ได้เทรน AI มาแล้วกว่า 62 กรณีการใช้งาน (AI Use Cases) ภายใต้ 4 เสาหลักการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม (Responsible AI Guidelines) ที่เคร่งครัด

1.       โปร่งใส (Transparency)“น้องมะลิ AI” คือผู้ช่วยที่คอยให้บริการตอบคำถาม และช่วยเหลือลูกค้า โดยทรูออกแบบประสบการณ์การใช้งานให้ลูกค้ารับทราบอยู่ตลอดเวลาว่า กำลังสนทนาอยู่กับ “น้องมะลิ AI” ไม่ใช่เจ้าหน้าที่บุคคล ทั้งนี้ การบริการ AI ต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนและอธิบายได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง และแสดงตนว่าเป็น AI กำลังให้บริการ

2.       เคารพสิทธิมนุษยชน (Respect for Human Rights) เคารพความเป็นส่วนตัว และเสรีภาพของแต่ละบุคคล ไม่ทำร้ายผู้ใช้บริการ

3.       เป็นธรรมและลดอคติ (Fairness and Inclusion)สร้างความมั่นใจว่า AI จะให้ผลลัพธ์อย่างเท่าเทียม ปราศจากอคติ และไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

4.       ออกแบบโดยยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centered Design)ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย โดย AI จะไม่ให้คำตอบที่ขาดเหตุผลที่ชัดเจน และหากไม่สามารถตอบคำถามของผู้ใช้ได้ ระบบจะแนะนำข้อมูลหรือช่องทางติดต่อที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมและโปร่งใส

และทั้งหมดนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของข้อมูลหรือเทคโนโลยี แต่คือ "การใช้ข้อมูล และ AI เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย" ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น และนี่คืออนาคตที่ทรู คอร์ปอเรชั่น เชื่อมั่นและอนาคตที่เรากำลังร่วมกันสร้างเพื่อประเทศชาติ เพื่อโลกที่ยั่งยืน และเพื่อทุกคน