31 ก.ค. 2568 71 0

ไปรษณีย์ไทย ผสานสองบทบาทสำคัญ พร้อมฝ่าวิกฤตขนส่งผันผวนและสงครามราคา ขณะเผชิญสถานการณ์ชายแดนหนักหน่วง

ไปรษณีย์ไทย ผสานสองบทบาทสำคัญ พร้อมฝ่าวิกฤตขนส่งผันผวนและสงครามราคา ขณะเผชิญสถานการณ์ชายแดนหนักหน่วง

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กำลังเผชิญกับบทบาทอันท้าทายแต่สำคัญยิ่งในปี 2568 โดยในด้านหนึ่งกำลังเดินหน้าจัดงานใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ตอกย้ำบทบาทของการเป็น "ทูตวัฒนธรรม" ผ่านเส้นทางไปรษณีย์ ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งปรับตัวและใช้กลยุทธ์เชิงรุกเพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ปัญหาภาษีการค้าระหว่างประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมขนส่ง ซึ่งสถานการณ์ความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้ผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่อย่างไปรษณีย์ไทยต้องเตรียมแผนรองรับที่ยืดหยุ่นถึง 10 แผน เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สานสัมพันธ์ 50 ปี ไทย-จีน ผ่าน "จดหมายแห่งมิตรภาพ"


ในวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ จัด งานแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชีย 2568 “จดหมายแห่งมิตรภาพ - From Bangkok to Beijing ขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 12 สิงหาคม 2568 ณ ไปรษณีย์กลาง บางรัก งานนี้มุ่งถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์อันยาวนานผ่านนิทรรศการแสตมป์ จดหมาย และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมร่วมสมัย


ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือด้านการติดต่อสื่อสารและการเชื่อมเศรษฐกิจระหว่างไทย – จีนผ่านเส้นทางไปรษณีย์ว่า เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งในมิติเศรษฐกิจ ประชาชน ภาคธุรกิจ และกลุ่มผู้ประกอบการ ในช่วงปีที่ผ่านมาการขนส่งพัสดุจากไทยไปจีนเติบโตเฉลี่ยกว่า 3% ซึ่งสะท้อนบทบาทของไปรษณีย์ไทยในฐานะโครงสร้างพื้นฐานหลักที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจไร้พรมแดนได้อย่างเป็นรูปธรรม กลุ่มบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ไปรษณียภัณฑ์ ส่งด่วนระหว่างประเทศ EMS World และพัสดุ โดยเส้นทางขนส่งสำคัญระหว่างสองประเทศคือ ระบบขนส่งทางอากาศ ทางเรือ และทางภาคพื้น ซึ่งล้วนมีศักยภาพในการเพิ่มความสามารถการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจไทยในตลาดจีนอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งของที่ได้รับความนิยมในการส่งผ่านไปรษณีย์จากไทยไปปลายทางประเทศจีน ได้แก่ เอกสาร ของเล่น เสื้อผ้าคอตตอน อาหารเสริม และเครื่องรางของขลัง

ไปรษณีย์ไทย ยังตระหนักถึงโอกาสนี้ จึงมีแผนในการพัฒนาการขนส่งทางบกจากต้นทางจีนเพื่อให้บริการสำหรับลูกค้ากลุ่ม B2B และกลุ่ม B2C โดยใช้ช่องทางพาณิชย์ เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการลดต้นทุนค่าขนส่ง และสามารถขนส่งได้ในปริมาณมากขึ้นเมื่อเทียบกับการขนส่งทางอากาศ. นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทั้งต้นทางและปลายทางมากขึ้น เช่น มีบริการดำเนินพิธีการภาษีศุลกากรทั้งที่ต้นทางและปลายทาง ไปรษณีย์ไทยยังอยู่ระหว่างศึกษาการใช้ประโยชน์จากช่องทางการขนส่งทั้งทางรถและทางราง (Multimodul Transport) ไปปลายทางจีน และพร้อมเป็นจุดกระจายสินค้าเข้าไทย โดยใช้เครือข่ายในประเทศและส่งต่อไปทั่วโลก ทั้งทางอากาศและทางภาคพื้น

บทบาทแสตมป์ในฐานะเครื่องมือทางการทูตเชิงวัฒนธรรม


ดร.ดนันท์ ยังเสริมว่า เพื่อตอกย้ำสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีน ไปรษณีย์ไทยจึงร่วมกับสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทยฯ จัดงานแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชีย 2568 เพื่อแสดงบทบาทของแสตมป์ จดหมาย และระบบสื่อสาร-การขนส่งของไปรษณีย์ในฐานะเครื่องมือทางการทูตเชิงวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับคนจีน. กิจกรรมครั้งนี้จะถ่ายทอดเรื่องราวของความทรงจำในรูปแบบของนิทรรศการแสตมป์ จดหมาย และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมร่วมสมัย ช่วยเชื่อมโยงประสบการณ์ไทย–จีน ทั้งงานศิลปะ งานหัตถกรรม งานเขียน ฯลฯ ที่สะท้อนคุณค่าในหลากหลายมิติ. ไปรษณีย์ไทยมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับพลังของวัฒนธรรมเชิงสื่อสาร ที่เชื่อมโยงระหว่าง Soft Power กับเส้นทางเศรษฐกิจ และเปิดมุมใหม่ให้เห็นว่า “ไปรษณีย์ไทย” ยังเป็นจุดเชื่อมสำคัญของภูมิภาคในยุคเศรษฐกิจไร้พรมแดน

ภายในงานมีไฮไลต์ที่สำคัญ อาทิ นิทรรศการพรรณไม้พระนาม “คำหยาดศรีสิรินธร” และ นิทรรศการภาพตราไปรษณียากรภาพฝีพระหัตถ์. นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย - จีน, การเดินทางของโพยก๊วน, คอลเลคชันแสตมป์จากประเทศจีน, ที่ทำการไปรษณีย์สยามนอกเขตประเทศไทย ผู้เข้าร่วมงานยังจะได้เพลิดเพลินกับการแสดงจากศิลปิน Meet&Greet และมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง อาทิ โอ๊ต ภาสกร, เก่ง-น้ำปิง, นุนิว และ SERIOUS BACON การแสดงบนเวทีเชิงวัฒนธรรม เช่น งิ้วเปลี่ยนหน้ากาก และลำตัดแม่ศรีนวล รวมถึงกิจกรรม Workshop และ “ตลาดแห่งมิตรภาพ” ที่รวมร้านเด็ด ของอร่อยจากสองวัฒนธรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของงานที่น่าสนใจ


ชาญชัย กรรณสูต นายกสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ กล่าวเสริมว่า การจัดงานแสดงตราไปรษณียากรภาคพื้นเอเชีย พ.ศ. 2568 (THAILAND 2025 Asian International Stamp Exhibition) ถือเป็นจุดหมายสำคัญของประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพเวทีการประกวดและแสดงแสตมป์ระดับนานาชาติครั้งยิ่งใหญ่ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 27 ประเทศ และจัดแสดงแสตมป์หายากรวมกว่า 1,200 เฟรม ซึ่งเป็นการยืนยันถึงศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไปรษณีย์ในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ภายในงานจะมีการนำเสนอนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ด้วยพระเมตตาแห่งองค์อุปถัมภ์” ซึ่งจัดแสดงภาพตราไปรษณียากรภาพฝีพระหัตถ์ และพระราชกรณียกิจด้านการสะสม รวมถึงนิทรรศการ 50 ปี สมาคมนักสะสมตราไปรษณียากรแห่งประเทศไทยฯ และสิ่งแสดงเกียรติยศจากสมาชิก FIAP (Grand Prix Club) คอลเลคชันแสตมป์จากประเทศจีนและสิ่งแสดงเกียรติยศจากสมาชิกที่เคยได้รับรางวัลกรังด์ปรีซ์ ซึ่งเป็นผลงานที่ทรงคุณค่าและหายากมาก ก็จะถูกนำมาจัดแสดงด้วย นอกจากนี้ ยังมี คอลเลคชันประวัติศาสตร์ที่ทำการไปรษณีย์มองโกเลีย ค.ศ. 1854 – 1921 ที่ส่งตรงจากประเทศจีน ซึ่งเป็นคอลเลคชันระดับคลาสสิกที่เคยได้รับรางวัลใหญ่ระดับนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง ภายในงานยังมีการออกร้านจำหน่ายตราไปรษณียากรเอกชน และร้านการไปรษณีย์ต่างประเทศอีกด้วย


ศาสตราจารย์ ดร.สิทธิพล เครือรัฐติกาล อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ และประธานสภาอาจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า การพัฒนาของมิตรภาพระหว่างไทย-จีนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในมิติทางเศรษฐกิจหรือการเมือง หากแต่ค่อย ๆ ถักทอสู่การเป็น "หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์" ที่เติบโตไปพร้อมกัน ความเจริญก้าวหน้าของจีนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาได้ส่งอิทธิพลต่อการพัฒนาของไทยอย่างแยกไม่ออก ไทยจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ ปรับตัว และแสวงหาจุดร่วมกับจีนอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของความสัมพันธ์คือความเข้าใจซึ่งกันและกัน การสร้างบทสนทนาทางวัฒนธรรมที่จริงใจจึงเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ในจุดนี้หน่วยงานอย่างไปรษณีย์ไทย พร้อมทำหน้าที่เป็น "ทูตวัฒนธรรม" โดยอ้อมมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านตราไปรษณียากรที่บันทึกเรื่องราว และภาพจำร่วมกันระหว่างไทย-จีน ส่งเสริมและร้อยเรียงความเข้าใจของทั้งสองประเทศได้อย่างแนบเนียน “การสร้างความเข้าใจระหว่างกันคือรากฐานที่ยั่งยืนของมิตรภาพระหว่างชาติ หากสามารถพัฒนาให้ทั้งสองประเทศรู้จักกันอย่าง “รู้ใจ” ก็จะนำไปสู่ความร่วมมือที่แน่นแฟ้น สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างแข็งแรง และช่วยกันประคับประคองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้มั่นคงยิ่งขึ้นในระยะยาว โดยทุกภาคส่วนล้วนมีบทบาท แม้แต่กระทั่งดวงแสตมป์เล็กๆ บนซองจดหมายก็มีพลังในการเชื่อมโยงหัวใจคนจากสองแผ่นดินได้อย่างทรงคุณค่าและงดงาม” ศาสตราจารย์ ดร.สิทธิพล กล่าวทิ้งท้าย

อุตสาหกรรมขนส่งเผชิญความท้าทายหนัก เศรษฐกิจโลกผันผวน-สงครามราคาไม่จบ


ในอีกด้านหนึ่ง ผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่ของไทยกำลังเผชิญกับภาวะความไม่แน่นอนสูงในธุรกิจขนส่งสินค้าในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งจีนและไทยต่างก็ไม่ดี ส่งผลให้กำลังซื้อเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องภาษีการค้าระหว่างประเทศที่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนระหว่างกลุ่มประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างทุกคนกับสหรัฐอเมริกา ทำให้รูปแบบการขนส่งสินค้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด. มีข้อสังเกตว่าการส่งสินค้าจากจีนไปสหรัฐฯ ผ่านเวียดนามอาจมีต้นทุนที่ถูกกว่าการส่งตรงจากจีน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขนส่งสินค้าเดิม และบริษัทจะต้องหาทางรับมือกับผลกระทบดังกล่าว

ด้วยความไม่แน่นอนของสถานการณ์ ไปรษณีย์ไทย จึงเตรียมแผนรองรับไว้ถึง 10 แผน แม้ว่าการดำเนินการตามแผนยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่บริษัทเน้นย้ำถึงความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน และการปรับเปลี่ยนแผนให้รวดเร็ว ล่าสุด บริษัทได้เปิดให้บริการ Amazon FBA (Fulfillment by Amazon) โดยเป็นผู้รวบรวมสินค้าเพื่อส่งไปที่ศูนย์แพ็คของ Amazon สองแห่ง ผ่านช่องทางที่หลากหลาย การเตรียมตัวในลักษณะนี้ช่วยให้บริษัทมีความคล่องตัวสูงในการปรับเปลี่ยนเมื่อปริมาณสินค้ามีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงเรื่องราคาและต้นทุน

ตลาดอีคอมเมิร์ซของจีนมีการเติบโตสูงสุด และสินค้าที่ส่งไปส่วนใหญ่ก็เป็นในรูปแบบอีคอมเมิร์ซ สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมและมีการขยายตัวสูงในการส่งออกไปจีนได้แก่ เสื้อผ้า และของเล่น แม้ว่าบริษัทจะไม่สามารถให้ข้อมูลภาพรวมตลาดทั้งหมดได้ เนื่องจากมีผู้ประกอบการและช่องทางขนส่งที่หลากหลาย แต่ก็ระบุว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 15-17% ของรายได้ทั้งหมด. โดยปลายทางหลักของสินค้าจากจีนที่บริษัทให้บริการขนส่งคือ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, เกาหลี และนิวซีแลนด์ ในอดีตเคยมีการเปิดเส้นทางขนส่งทางรถไฟไปยังจีนผ่านลาว แต่ปัจจุบันเส้นทางดังกล่าวยังคงมีปัญหาติดขัดกับประเทศลาว ทำให้ยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้

ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ไปรษณีย์ไทยยืนยันว่าไม่ได้มีเป้าหมายในการแข่งขันกับภาคเอกชน แต่มีหน้าที่หลักในการสนับสนุนสังคม และช่วยก้าวผ่านวิกฤติต่างๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ต้องไม่เป็นภาระของรัฐ ซึ่งหมายความว่าต้องสามารถดูแลตัวเองได้และมีกำไร อุตสาหกรรมขนส่งในปัจจุบันยังคงมีการแข่งขันที่เข้มข้น และมองว่า "สงครามราคา" ยังไม่สิ้นสุด แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีการปรับเปลี่ยนความต้องการของผลิตภัณฑ์ (requirement) ตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้ผู้ให้บริการขนส่งแบบ 3PL (Third-Party Logistics) ต้องปรับเปลี่ยนรายละเอียดปลีกย่อยของการบริการอย่างต่อเนื่อง เช่น การถ่ายรูปสินค้าและระยะเวลาการส่งรูป

สถานการณ์ชายแดนกระทบหนัก พร้อมภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม



สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินงานของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เดิมทีเป็นปลายทางหนึ่งที่บริษัทให้บริการได้ ปัจจุบัน บริษัทจำเป็นต้องปิดที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่เสี่ยงบางแห่ง ซึ่งส่งผลให้การจ่ายเงินและการรับของทำได้ยากลำบาก แม้ว่าสายการบินไทยยังคงรับขนส่งสินค้าอยู่ แต่การขนส่งทางรถข้ามชายแดนต้องถูกปิดลง สถานการณ์ดังกล่าวไม่เพียงส่งผลกระทบต่อรายได้และค่าใช้จ่าย แต่ยังทำให้การขนส่งทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด

อย่างไรก็ตาม บริษัทให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดน โดยมีการสนับสนุนการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังศูนย์พักพิงและพื้นที่ชายแดนต่างๆ ปัจจุบันมีการส่งสิ่งของสนับสนุนเกินกว่า 30 ตันแล้วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดที่ทำการไปรษณีย์ใน 4 จังหวัดปลายทางสำคัญที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี เพื่อรับของช่วยเหลือ ปริมาณการขนส่งไปยัง 4 ปลายทางนี้ในช่วงที่ผ่านมามีมากกว่าปริมาณรวมกันของหลายเดือนในปีที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปรับแผนให้สอดคล้อง เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน

ไปรษณีย์ไทย จึงยังคงยืนหยัดในฐานะหน่วยงานหลักที่เชื่อมโยงทั้งมิติทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคมของประเทศ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากภายนอกและภายใน