ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 5/2568 ที่มีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี เป็นรองประธานกรรมการฯ เอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดีอี เป็นเลขานุการคณะกรรมการฯ ร่วมด้วยตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO) ร่วมหารือเพื่อดำเนินงานการตามนโยบายปราบปรามภัยออนไลน์ของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ประเสริฐ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรมอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบัน พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการกำหนดมาตรการเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับ
ทั้งนี้ กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาในด้านของการเยียวยาผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบ ด้วยการคืนเงินที่สามารถยึดหรืออายัดมาได้จากมิจฉาชีพที่กระทำผิด ภายหลังผลการพิจารณาคดีของศาลถึงที่สุดแล้ว โดยมอบหมายให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นผู้พิจารณาร่างกฎกระทรวงการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ ....ขึ้นมารองรับ
ในส่วนของรายละเอียดกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว ประกอบด้วย การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข รายละเอียด /การพิจารณาคืนเงินหรือสินทรัพย์ดิจิทัล หรือชดใช้เงินคืนให้แก่ผู้เสียหายของคณะกรรมการธุรกรรม การแจ้งสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง / กำหนดวิธีการคืนเงิน หรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย / กรณีผู้เสียหายได้ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง โดยต้องแจ้งให้ ปปง. รอผลการพิจารณาของศาลจนกว่าคดีจะถึงที่สุด /
การจัดทำบัญชีการนำเงินคืนให้แก่ผู้เสียหายไว้เป็นฐานข้อมูล / การเก็บรักษาและจัดการเงิน กรณีไม่มีผู้เสียหายหรืออยู่ระหว่างการใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง และรอผลการพิจารณาคดีของศาล
ขณะเดียวกันที่ประชุม ยังได้พิจารณาผลดำเนินการและมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ที่มีผลการดำเนินงาน ถึง 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา โดยสรุปได้ดังนี้
1.การปราบปรามจับกุมคดีอาชญากรรมออนไลน์ รวมทุกประเภท สถิติถึง 30 มิถุนายน 2568 (ข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ)
-
การจับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทุกประเภท มีจำนวนทั้งหมด 65,841 ราย
โดยในเดือน มิถุนายน 2568 มีจำนวน 3,550 ราย
-
การจับกุมคดีพนันออนไลน์ มีจำนวนทั้งหมด 27,711 ราย โดยในเดือน มิถุนายน 2568
มีจำนวน 1,097 ราย
-
การจับกุมคดีบัญชีม้า ซิมม้า และความผิดตาม พรก.ฯ มีจำนวนทั้งหมด 7,455 ราย
โดยในเดือน มิถุนายน 2568 มีจำนวน 710 ราย
2. การปิดโซเชียลมีเดีย เว็บผิดกฎหมาย และเว็บพนันออนไลน์ สถิติถึง 30 มิถุนายน 2568
-
การปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์ จำนวน 62,805 URLs หลอกลวงออนไลน์
จำนวน 1,242 URLs และอื่นๆ 51,860 URLs รวม 115,907 URLs
-
การประสานแพลตฟอร์ม (Facebook/YouTube/X/TikTok)
เพื่อขอปิดกั้นเกี่ยวกับหลอกลวงออนไลน์ ที่มีคำสั่งศาล
จำนวนแจ้งขอการปิดกั้น 12,646 URLs ที่ไม่มีคำสั่งศาล
มีจำนวนแจ้งขอการปิดกั้น 37,919 URLs (เฉพาะในส่วนของกระทรวงดีอี)
3.
การแก้ปัญหาบัญชีม้า เร่งอายัด ตัดตอนการโอนเงิน
ผลการดำเนินงานที่สำคัญถึง
30 มิ.ย.68 มีดังนี้
-
AOC
ระงับบัญชีชั่วคราว จำนวน 440,347 บัญชี
- ปปง. ทำการอายัดบัญชีไปแล้วจำนวน 476,046 บัญชี (ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2568) รวม 916,393 บัญชี
-
มาตรการจัดการบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล ในเดือนมิถุนายน - เดือนกรกฎาคม 2568
ผู้ประกอบการ
สินทรัพย์ดิจิทัล
ได้ระงับบัญชีม้าแล้วประมาณ 29,000 บัญชี รวมมูลค่า 186 ล้านบาท
4.มาตรการแก้ไขปัญหาซิมม้า (ซิมของบุคคลธรรมดา/ต่างด้าว)
ที่ประชุม
กสทช. เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568
ได้มีมติเห็นชอบมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ตามมาตรา
4/1 วรรคหนึ่ง
เพื่อให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ตามมาตรา 8/10 แห่งพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
พ.ศ. 2566 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ตามที่คณะอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ พิจารณาเสนอ ใน 8
มาตรการด้วยกัน
5. การออกกฎหมายลำดับรอง
ปัจจุบันกระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการออกกฎหมายลูกตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งบางฉบับได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้แล้ว อาทิ
- มาตรฐานหรือมาตรการ ที่กำหนดโดยหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลการประกอบธุรกิจ เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และเป็นเกณฑ์พิจารณาการมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายจากที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตามมาตรา 8/10 (มาตรา 4/1 วรรคหนึ่ง) โดยในส่วนของความรับผิดชอบขอ คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (คธอ.) ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568
- ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อกำหนดขั้นตอนการระงับสั่งการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมาย (การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล) ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(มาตรา 7/1 วรรคสอง) ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2568
“การออกกฎกระทรวงการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
พ.ศ .... เพื่อเป็นการเยียวยาให้กับผู้เสียหายจากภัยอาชญากรรมออนไลน์
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญของ คกก.ฯ โดยขณะนี้ ร่างกฎกระทรวงฯ
อยู่ระหว่างการพิจารณา และจะมีการนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในลำดับต่อไป”
รองนายกฯ ประเสริฐ กล่าว