กองทุน Disrupt Health Impact Fund เดินหน้าเข้าลงทุนใน “Jona” บริษัทสัญชาติอเมริกัน ผู้พัฒนา AI อ่านผลตรวจไมโครไบโอม หรือ จุลินทรีย์ในลำไส้มนุษย์ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกกว่าชุดตรวจทั่วไป ต่อยอดแนวคิดที่ว่าความสมดุลของไมโครไบโอมมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ โดย AI จะช่วยบ่งบอกความเสี่ยง และเสนอแนะวิธีการดูแลสุขภาพและแนวทางการปรับพฤติกรรม ผ่านการประมวลผลงานวิจัยกว่า 200,000 ฉบับ และมีการอัพเดทงานวิจัย ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกอยู่เสมอ หวังผลักดันให้ไมโครไบโอมเข้ามามีบทบาทยิ่งขึ้นในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และการเฟ้นหาแนวทางการรักษารูปแบบใหม่ๆ
กระทิง พูนผล ประธานกองทุน Disrupt Health Impact Fund กองทุน 500 TukTuks และ ORZON Ventures เปิดเผยว่า ไมโครไบโอม หรือ จุลินทรีย์ในลำไส้มนุษย์
เป็นศาสตร์ที่มีมานาน และกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากเริ่มมีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือที่สนับสนุนความเชื่อมโยงระหว่างไมโครไบโอมกับสุขภาพด้านต่างๆ ของมนุษย์ ไม่ได้จำกัดแค่สุขภาพลำไส้ หรือกลุ่มบริการเวลเนส
แต่มีการเชื่อมโยงไปถึงระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการย่อยอาหาร ผิวหนัง สมอง
ไปจนถึงสุขภาพจิต ทำให้เกิดวิธีการดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่ๆ
ที่นำมาใช้ประกอบการรักษาได้
บริษัทเวชภัณฑ์ยาระดับโลกเริ่มมีการคิดค้นพัฒนาในด้านนี้ รวมถึงการที่ US FDA ได้มีการอนุมัติให้นำการปรับสมดุลไมโครไบโอมมาใช้ในการรักษาโรคบางโรคก็ได้แล้ว จึงมองว่าตลาดไมโครไบโอมมีแนวโน้มจะขยายตัวจากการนำมาใช้ทั้งในเชิงเวลเนสและเชิงการแพทย์มากขึ้นในอนาคต จากข้อมูลการวิจัยตลาด Precedence Research ระบุมูลค่าตลาด AI ในด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลกจะพุ่งแตะ 613.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2577 เพิ่มขึ้นจาก 36.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 โดยเติบโตเฉลี่ย 36.83% ต่อปี หรืออัตราการเติบโตแบบตัวเลขสองหลัก ตั้งแต่ปี 2568 ถึงปี 2577
ณรัณภัสสร์ ฐิติพัทธกุล ผู้บริหารกองทุน Disrupt Health Impact Fund กล่าวเสริมว่า Jona ได้พัฒนานวัตกรรมโดยใช้ AI เข้ามาปลดล็อกข้อจำกัดการอ่านผลตรวจไมโครไบโอม ซึ่งมีความซับซ้อนเพราะลำไส้มนุษย์มีเชื้อจุลินทรีย์ที่หลากหลายกว่าหนึ่งแสนล้านประเภท และยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน อีกทั้งยังมีงานวิจัยใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้วิธีการอ่านผลควรต้องมีการอัพเดทอยู่เสมอ โดย Jona ให้บริการชุดตรวจที่ใช้ได้ด้วยตนเองและผ่านคลินิก โดยเป็นชุดตรวจที่ตรวจลึกกว่าแค่แบคทีเรีย แต่ครอบคลุมไปถึงจุลินทรีย์ประเภทอื่นด้วย จึงได้ข้อมูลเชิงลึกกว่าชุดตรวจทั่วไป
นอกจากนี้ Jona ยังมีแพลตฟอร์มที่ช่วยประมวลผลข้อมูลและเสนอแนะวิธีการดูแลสุขภาพและแนวทางการปรับพฤติกรรม
ด้วยเทคโนโลยี AI ที่สามารถดึงข้อมูลจากงานวิจัยทางการแพทย์กว่า
200,000 เล่มทั่วโลก ทำให้แพทย์อ่านผลตรวจได้แม่นยำยิ่งขึ้น
และมีที่มาที่ไปของข้อมูลประกอบ จำแนกตามระดับความน่าเชื่อถือของงานวิจัย
ทำให้เกิดการนำไปใช้ได้จริงยิ่งขึ้น และด้วยนวัตกรรม 'โมเดลจำลองดิจิทัลของไมโครไบโอม'
หรือ 'Microbiome Digital Twin' Jona จึงสามารถจำลองผลกระทบที่การปรับเปลี่ยนด้านอาหาร
ไลฟ์สไตล์ อาหารเสริม และยารักษาโรคเฉพาะเจาะจงจะมีต่อสุขภาพของผู้ใช้บริการ
โดยข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดจะเชื่อมโยงย้อนกลับไปยังงานวิจัยต้นฉบับ การลงทุนครั้งนี้คาดหวังว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีไมโครไบโอมจะสร้างแรงขับเคลื่อนให้วงการสุขภาพ
เป็นส่วนช่วยในการต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรม
และเป็นเครื่องมือในการช่วยปรับพฤติกรรม
ในด้านการพัฒนาโมเดล LLM ทาง Jona ได้สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น โดยมีคณะที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Advisory Board - SAB) ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ทั้งด้าน AI แพทย์ นักโภชนาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการยืดอายุ ที่มาร่วมให้คำแนะนำการพัฒนาผลิตภัณฑ์และทบทวนผลลัพธ์จาก AI ช่วยให้โซลูชันของบริษัทอยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ และตอบสนองความต้องการทางคลินิกได้อย่างแท้จริง
ดร. ลีโอ เกรดี้ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร Jona กล่าวว่า บริษัทยินดีที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน Disrupt Impact Fund เพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายตลาด เร่งเติบโต 10 เท่า จุดแข็งของ Jona คือการเป็น AI เฉพาะทาง โมเดล AI ที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเจาะจงในด้านไมโครไบโอมในลำไส้ ทำให้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบของจุลินทรีย์และผลลัพธ์ด้านสุขภาพได้ดีกว่า หวังขยายผลไปทั่วโลกในอนาคต และส่งเสริมให้การตรวจไมโครไบโอมเข้าถึงได้และสร้างคุณประโยชน์ทางการแพทย์
ทั้งนี้ กองทุน Disrupt Health Impact Fund มีนโยบายลงทุนระยะแรกประมาณ
17 – 25 ล้านบาทต่อบริษัท โดยวางแผนลงทุนใน 15 บริษัท DeepTech ด้าน Healthcare ทั้งในไทยและต่างประเทศภายใน 3 -5 ปีข้างหน้า ภายใต้กลยุทธ์การลงทุน 5 ด้านหลัก
ได้แก่ การดูแลสุขภาพด้วยตนเอง เวชศาสตร์ป้องกันโรค ผู้สูงวัย
การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และโรงพยาบาลอัจฉริยะ
มุ่งเน้นนวัตกรรมระดับโลกที่ออกสู่ตลาดแล้วหรืออยู่ระหว่างการวิจัยในคนเพื่อขอรับรองจาก
FDA ปัจจุบันกองทุนมีนักลงทุน 7 ราย
ซึ่งเป็นนักลงทุนส่วนบุคคลที่สนใจธุรกิจ Health & Wellness และยังคงเปิดรับพันธมิตรที่สนใจร่วมลงทุน พร้อมมองหาบริษัท DeepTech
ด้าน Healthcare ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุน Disrupt Health Impact Fund: https://www.disruptignite.com/impactfund