บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่นชั้นนำ (TrustTech) และผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Whoscall เดินหน้ายกระดับมาตรการป้องกันภัยมิจฉาชีพในโลกดิจิทัล ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด “SOS ขอความช่วยเหลือ” ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างครอบคลุมและทันท่วงที โดยช่วยเหลือผู้ใช้งานที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน ผ่านขั้นตอนสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วนในแอปเดียว
ในปัจจุบันปัญหามิจฉาชีพออนไลน์ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) ซึ่งระบุว่า [1]ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง 27 มิถุนายน 2568 มีผู้เสียหายโทรแจ้งเหตุผ่านศูนย์รวมกว่า 1.85 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ยมากกว่า 3,000 ครั้งต่อวัน ขณะที่สามารถ อายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพได้แล้วกว่า 739,000 บัญชี ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่กำลังลุกลามในสังคมไทยอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ภัยคุกคามออนไลน์มีพัฒนาการและวิธีการหลอกลวงที่ซับซ้อนมากขึ้น อาทิ
• การหลอกให้ลงทุนผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook,
Messenger และ LINE
• การหลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล
• การข่มขู่ทางโทรศัพท์จนผู้รับสายเกิดความกลัวและยอมโอนเงิน
• การหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษหรือรายได้เสริม
จากข้อมูลในช่วงเดียวกัน พบว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นสูงถึงกว่า 21,849,222 บาท สถานการณ์เหล่านี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ประชาชนรับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการพัฒนาฟีเจอร์ “SOS ขอความช่วยเหลือ” โดย Whoscall ได้ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้งานในยามฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ และครบทุกขั้นตอนในแอปเดียว
(แมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย)
แมนวู
จู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) กล่าวว่า
“Whoscall ยึดมั่นพันธกิจในการปกป้อง
ผู้ใช้งานจากภัยมิจฉาชีพทุกรูปแบบ
โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤตหลังจากที่ผู้ใช้งานรู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับเหตุการณ์ไม่ปกติจากมิจฉาชีพซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจและดำเนินการอย่างรวดเร็ว
ฟีเจอร์ “SOS ขอความช่วยเหลือ” จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยเหลือผู้ใช้งานในสถานการณ์เร่งด่วน
ตั้งแต่การอายัดบัญชี
ไปจนถึงการแจ้งความออนไลน์หรือแจ้งความกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์
(AOC) ได้ครบจบในแอปเดียว”
ฟีเจอร์ “SOS ขอความช่วยเหลือ”
ที่ Whoscall
ได้พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นตัวช่วยให้แก่ผู้เสียหายได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย โดยครอบคลุม 2
ขั้นตอนหลักในการจัดการสถานการณ์เมื่อผู้ใช้งานตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ ได้แก่
“จากจำนวนผู้เสียหายที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย
เราจึงมีความมุ่งมั่นในการคิดค้นเครื่องมือที่ช่วยให้
ผู้ใช้งานสามารถจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินได้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้เรามองว่า ฟีเจอร์ “SOS ขอความช่วยเหลือ”
จึงไม่ใช่แค่เทคโนโลยี
แต่เป็นส่วนหนึ่งที่เราตั้งใจจะดูแลชีวิตผู้คนให้ปลอดภัยขึ้นในโลกออนไลน์” แมนวู กล่าวเสริม
นอกจากนี้ Whoscall
ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครื่องมือและฟีเจอร์อื่นๆ
เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในทุกมิติ
ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ การแจ้งเตือนเบอร์ต้องสงสัย
และการกรองข้อความ SMS ที่อาจเป็นอันตราย ทั้งนี้ Whoscall
มุ่งหวังให้คนไทยทุกคนตระหนักรู้และมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย โดยเริ่มต้นจากการปกป้องตนเองและคนรอบข้างด้วยการใช้เทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือและเข้าถึงได้จริง
สามารถศึกษาวิธีการใช้งานฟีเจอร์ “SOS ขอความช่วยเหลือ” บนแอปพลิเคชัน Whoscall ที่ https://whoscall.com/th/blog/articles/1714
สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Whoscall
ได้ฟรี! ทั้ง iOS และ Android ที่ https://app.adjust.com/15jkn2dj
ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน
Whoscall ได้ที่ https://whoscall.com/th หรือ
https://www.facebook.com/whoscall.thailand
เกี่ยวกับ
Whoscall
แอปพลิเคชัน Whoscall เครื่องมือป้องกันการหลอกลวงทางดิจิทัลส่วนบุคคล ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ใช้ จากการหลอกลวงในสถานการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ การสื่อสารที่เป็นอันตรายและน่าสงสัย รวมถึงสายโทรเข้า ข้อความ และลิงก์ ด้วยยอดการดาวน์โหลดมากกว่า 100 ล้านครั้งทั่วโลก Whoscall มีฐานข้อมูลที่ครอบคลุมมากที่สุดในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุม หมายเลขโทรศัพท์ มากกว่า 2.6 พันล้าน เลขหมาย และรวมข้อมูลจากพันธมิตรอย่าง ScamAdviser เพื่อสร้างฐานข้อมูลต่อต้านการหลอกลวงทางดิจิทัลชั้นนำ ทีมงาน Whoscall ทุ่มเท พัฒนาเทคโนโลยีต่อต้านการหลอกลวงมานานกว่าทศวรรษ โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์ และจำลองรูปแบบการหลอกลวง เพื่อป้องกันเชิงรุก ต่อการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Whoscall เดินหน้าอย่างแข็งขัน ในการสร้างกลไกการทำงานร่วมกัน ในชุมชนของผู้ใช้ร่วมมีบทบาท ในการสร้างผลลัพธ์ ทางสังคมด้วยบริการต่อต้านการฉ้อโกงทางดิจิทัล ตั้งแต่ การให้ความรู้ การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ไปจนถึง สร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ Whoscall ได้รับการยอมรับและความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไต้หวัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ แห่งชาติ (สกมช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซียศูนย์สืบสวนและประสานงาน อาชญากรรมทางไซเบอร์ ของฟิลิปปินส์ และรัฐบาลท้องถิ่นในญี่ปุ่น สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://whoscall.com/th