29 มิ.ย. 2568 316 0

เดือดสนั่นแต่จบสวย!! ศึกประมูลคลื่นความถี่โทรคมนาคมไทย AIS-True คว้าชัยปักธง 5G มองอนาคตดิจิทัลเน็ตแรงทะลุพิกัด

เดือดสนั่นแต่จบสวย!! ศึกประมูลคลื่นความถี่โทรคมนาคมไทย AIS-True คว้าชัยปักธง 5G มองอนาคตดิจิทัลเน็ตแรงทะลุพิกัด

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 กสทช. ได้จัดการประมูลคลื่นความถี่ ซึ่งมีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่สองรายคือ True MoveH และ AIS หรือ AWN เข้าร่วมประมูลและประสบความสำเร็จในการประมูลดังกล่าวในเวลารวดเร็ว

สรุปผลการประมูลคลื่นความถี่


True Move H คว้าใบอนุญาตคลื่น 2300 MHz จำนวน 70 MHz ด้วยราคา 21,770,000,168 บาท และคลื่น 1500 MHz จำนวน 20 MHz ด้วยราคา 4,653,960,168 บาท การได้คลื่นทั้งสองย่านนี้ทำให้ทรู คอร์ปอเรชั่น มีชุดคลื่นความถี่รวม 8 คลื่น ครอบคลุมทั้งคลื่นความถี่ต่ำ กลาง และสูง

คลื่นความถี่  2300 MHz จะนำมาให้บริการทั้ง 5G และ 4G โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว เพื่อเพิ่มความเร็ว ความครอบคลุม และประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มศักยภาพ 5G ของคลื่น 2600 MHz ได้อีกด้วย

คลื่นความถี่ 1500 MHz เป็นคลื่นใหม่ที่เหมาะสำหรับการพัฒนาเครือข่ายในอนาคต เสริมประสิทธิภาพ 5G และ 4G เพิ่มความจุและความครอบคลุม ลดปัญหาอินเทอร์เน็ตช้าในช่วงเวลาพีค

ทรู คอร์ปอเรชั่น เน้นย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาเพื่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยทรูมีคลื่นความถี่ต่ำ (700 MHz: 2x20 MHz, 900 MHz: 2x15 MHz), คลื่นความถี่กลาง (1500 MHz: 20 MHz, 1800 MHz: 2x20 MHz, 2100 MHz: 2x30 MHz, 2300 MHz: 70 MHz, 2600 MHz: 90 MHz) และคลื่นความถี่สูง (26 GHz: 1000 MHz)

AIS โดยบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ชนะการประมูลคลื่นความถี่ 2100 MHz จำนวน 3 ชุด รวม 30 MHz ในราคา 14,850 ล้านบาท

คลื่นความถี่ 2100 MHz จัดอยู่ในกลุ่มคลื่นความถี่ย่านกลาง เหมาะสำหรับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบัน รองรับการใช้งานที่หนาแน่นในเทคโนโลยี 4G และ 5G

AIS ระบุว่าคลื่นที่ได้มาสามารถใช้งานได้ทันทีในราคาที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว และจะช่วยรองรับการใช้งานของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้เครือข่าย 5G มีความครอบคลุมและประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยม

AIS มีแผนจะนำคลื่นที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทันที ทั้งในเชิงการให้บริการ การขยายเครือข่าย และการต่อยอดนวัตกรรม AIS เป็นผู้ให้บริการที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดรวม 1460 MHz

ข้อมูลเพิ่มเติมจากการประมูลและสภาวะตลาด

ข้อมูลปี 2567 แสดงให้เห็นว่า True-dtac มีส่วนแบ่งตลาด 51% (49.4 ล้านหมายเลข) ตามมาด้วย AIS ที่ 47% (45.8 ล้านหมายเลข) และ NT Broadband 1.8% (1.7 ล้านหมายเลข)

การประมูลครั้งนี้ กสทช. ได้เปิดประมูลคลื่นความถี่ 850 MHz, 2100 MHz, 2300 MHz และ 1500 MHz

คลื่นความถี่ 2100 MHz มีราคาเริ่มต้นประมูล 4,500 ล้านบาท สำหรับ 15 ปี เทียบกับมูลค่าในอดีต (ที่ NT เคยปล่อยเช่า) สำหรับ 4 ปี อยู่ที่ 58,500 ล้านบาท

คลื่นความถี่ 2300 MHz มีราคาเริ่มต้นประมูล 2,596 ล้านบาท สำหรับ 15 ปี เทียบกับมูลค่าในอดีต (ที่ NT เคยปล่อยเช่า) สำหรับ 4 ปี อยู่ที่ 67,500 ล้านบาท

สำหรับคลื่นความถี่ 1500 MHz ราคาเริ่มต้นประมูล 1,057.49 ล้านบาทต่อชุด (มีทั้งหมด 11 ชุด ชุดละ 5 MHz)

ในส่วนของผู้ไม่ได้รับใบอนุญาต กสทช. มีมาตรการส่งเสริมการแข่งขันและการสร้างพันธมิตรเพื่อรองรับ MVNO รวมถึงมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและป้องกันภัยไซเบอร์ และมาตรการเพื่อสังคมและคุ้มครองผู้บริโภค เช่น แผน Green ICT และแผน Digital Inclusion

คาดการณ์อนาคตตลาดโทรคมนาคมไทยและแพ็กเกจราคาผู้ใช้บริการ

การประมูลคลื่นความถี่ในครั้งนี้จะส่งผลให้ผู้ให้บริการทั้ง TrueMoveH และ AIS มีศักยภาพในการพัฒนาเครือข่ายและบริการ 5G, 4G, IoT และ AI ได้อย่างเต็มที่มากขึ้น คุณภาพเครือข่ายที่ดีขึ้น: ผู้บริโภคสามารถคาดหวังประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่เร็วขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และมีความเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่นและนอกเมือง การที่ทั้งสองค่ายได้รับคลื่นความถี่เพิ่มเติมจะช่วยลดปัญหาเครือข่ายติดขัดในช่วงเวลาพีคได้

การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น : มาจากการที่ผู้ให้บริการทั้งสองรายมี Spectrum Portfolio ที่แข็งแกร่งขึ้น จะนำไปสู่การแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในการนำเสนอบริการและแพ็กเกจที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งอาจส่งผลดีต่อผู้บริโภคในแง่ของตัวเลือกที่หลากหลายและนวัตกรรมใหม่ๆ

แพ็กเกจราคาผู้ใช้บริการ: ในระยะสั้น ราคาแพ็กเกจอาจยังคงใกล้เคียงเดิม แต่ในระยะยาว การแข่งขันที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพเครือข่ายที่ดีขึ้นอาจนำไปสู่การนำเสนอแพ็กเกจที่คุ้มค่ามากขึ้น เช่น แพ็กเกจดาต้าไม่จำกัดที่ความเร็วสูงขึ้น หรือแพ็กเกจที่รวมบริการดิจิทัลอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งาน 5G, AI และ IoT ที่จะเติบโตขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระยะยาวจะช่วยสนับสนุน Digital Transformation ของภาคธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

การประมูลในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ อาจบ่งชี้ถึงความระมัดระวังในการลงทุนของผู้ประกอบการ หรือการประเมินมูลค่าคลื่นความถี่ในปัจจุบันที่แตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม การได้มาซึ่งคลื่นความถี่ใหม่จะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถต่อยอดการให้บริการและรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับ NT นั้น การสิ้นสุดสัญญาสัมปทานคลื่นเดิมอาจทำให้การแข่งขันในตลาดลดลง ซึ่งอาจเป็นโอกาสสำหรับ MVNO  ที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ หากมาตรการส่งเสริมของ กสทช. มีประสิทธิภาพ

อ้างอิงข้อมูลจาก : กสทช.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง เอไอเอส และ ทรูมูฟเอช