13 มิ.ย. 2568 273 0

'ทรู คอร์ปอเรชั่น' เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูเครดิต 'A+' ตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาโอกาสสร้างรายได้มั่นคง

'ทรู คอร์ปอเรชั่น' เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูเครดิต 'A+' ตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาโอกาสสร้างรายได้มั่นคง


·      ดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [3.20 – 3.85]% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้

·      คาดเปิดจองซื้อ 31 กรกฎาคม, 1 และ 4 สิงหาคม 2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป

 

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมเทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2024 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 4 ชุด อายุระหว่าง 4 ปีถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [3.20 – 3.85]% ต่อปี พร้อมจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ   6 เดือน หุ้นกู้ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สะท้อนถึงพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ในด้านธุรกิจโทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม วันที่ 1 และวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ไทย ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “ไตรมาส 1/2568 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกลุ่มทรู ด้วยการพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท และกำไรสุทธิหลังหักภาษีและปรับรายการพิเศษ (Normalized Net Profit) อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท ภายในเวลาเพียง  2 ปีหลังควบรวมกิจการกับดีแทค ขณะที่ EBITDA เติบโตต่อเนื่อง สะท้อนวินัยทางการเงิน  การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ   และประโยชน์จากการรวมธุรกิจ (Synergy) ที่เริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น  ความสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการ  บูรณาการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ การยกระดับเครือข่ายให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ตลอดจนการสร้างทีมงานที่เข้มแข็ง ซึ่งทั้งหมดเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนสร้างความเติบโตที่ยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว” 

ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทฯ ประกาศ 3 ภารกิจหลักเพื่อเร่งขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่ ด้านลูกค้า ยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่เชื่อถือ รวมระบบทรู-ดีแทคเป็นหนึ่งเดียว และพัฒนาเครือข่ายทันสมัยให้เสร็จครอบคลุมทั่วประเทศในไตรมาส 3 นี้ ด้านเทคโนโลยี ส่งเสริม AI ให้เข้าถึงคนไทยทุกคน พัฒนาบริการดิจิทัลเฉพาะบุคคล และสนับสนุนการเติบโตของเมืองอัจฉริยะ และด้านทีมงาน มีการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นลูกค้า พัฒนาผู้นำที่พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อความสำเร็จร่วมกัน

ริษัทฯ และหุ้นกู้ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” แนวโน้ม คงที่ (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำทางการตลาด (market position) ในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย  อีกทั้งปัจจัยบวกจากประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการควบรวม รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย


ทางด้านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.00% เป็น 1.75% ต่อปี เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เพื่อรองรับความเสี่ยงจากสงครามการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจในการประชุมวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ทำให้ช่วงเวลานี้ถือเป็น ‘จังหวะเหมาะ’ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนระยะยาวผ่านการลงทุนในหุ้นกู้คุณภาพ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” หุ้นกู้ของทรูจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่โดดเด่น เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาความมั่นคง พร้อมผลตอบแทนสม่ำเสมอในสภาวะดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง

หุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) จำนวน 4 ชุด โดยมีอายุหุ้นกู้ให้เลือกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 10 ปี ครอบคลุมนักลงทุนทั้งผู้ที่ต้องการลงทุนระยะกลาง หรือระยะยาว วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ และเพื่อให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทย่อยเพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระ โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม วันที่ 1 และวันที่ 4 สิงหาคม 2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ซึ่งบริษัทฯ หวังว่าหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดที่เสนอขาย มีรายละเอียดดังนี้

1.       หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.20-3.30]% ต่อปี

2.       หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.40-3.50]% ต่อปี

3.       หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.50-3.65]% ต่อปี

4.       หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.70-3.85]% ต่อปี และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่ 5 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง โดยบริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่

• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai

  ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555

   บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004

   บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 165 5555 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ Dime! และรวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)