·
ดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง
[3.20 – 3.85]% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก
6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้
·
คาดเปิดจองซื้อ
31 กรกฎาคม, 1 และ 4 สิงหาคม 2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมเทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI
2024 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 4 ชุด อายุระหว่าง 4 ปีถึง 10 ปี
อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [3.20 – 3.85]% ต่อปี พร้อมจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ
6 เดือน
หุ้นกู้ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือ
“A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง
จำกัด สะท้อนถึงพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ในด้านธุรกิจโทรคมนาคม
เทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม
วันที่ 1 และวันที่ 4 สิงหาคม 2568
ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ
กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ไทย ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์
เอเซีย พลัส โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
ยุภา
ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน)กล่าวว่า “ไตรมาส 1/2568 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกลุ่มทรู ด้วยการพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท และกำไรสุทธิหลังหักภาษีและปรับรายการพิเศษ (Normalized
Net Profit) อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท ภายในเวลาเพียง
2
ปีหลังควบรวมกิจการกับดีแทค ขณะที่ EBITDA เติบโตต่อเนื่อง
สะท้อนวินัยทางการเงิน การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และประโยชน์จากการรวมธุรกิจ (Synergy) ที่เริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น ความสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการ บูรณาการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
การยกระดับเครือข่ายให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ตลอดจนการสร้างทีมงานที่เข้มแข็ง ซึ่งทั้งหมดเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนสร้างความเติบโตที่ยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว”
ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทฯ ประกาศ 3
ภารกิจหลักเพื่อเร่งขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่ ด้านลูกค้า ยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่เชื่อถือ
รวมระบบทรู-ดีแทคเป็นหนึ่งเดียว และพัฒนาเครือข่ายทันสมัยให้เสร็จครอบคลุมทั่วประเทศในไตรมาส
3 นี้ ด้านเทคโนโลยี ส่งเสริม AI ให้เข้าถึงคนไทยทุกคน
พัฒนาบริการดิจิทัลเฉพาะบุคคล และสนับสนุนการเติบโตของเมืองอัจฉริยะ และด้านทีมงาน
มีการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นลูกค้า พัฒนาผู้นำที่พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
และเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อความสำเร็จร่วมกัน
บริษัทฯ และหุ้นกู้ที่จะเสนอขายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำทางการตลาด (market position) ในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย อีกทั้งปัจจัยบวกจากประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการควบรวม รวมถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย
ทางด้านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้กล่าวเพิ่มเติมว่า
“หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
0.25% จาก 2.00% เป็น 1.75% ต่อปี เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
เพื่อรองรับความเสี่ยงจากสงครามการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจในการประชุมวันที่ 25
มิถุนายน 2568 ทำให้ช่วงเวลานี้ถือเป็น
‘จังหวะเหมาะ’ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนระยะยาวผ่านการลงทุนในหุ้นกู้คุณภาพ” ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A+” แนวโน้ม
“คงที่” หุ้นกู้ของทรูจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่โดดเด่น
เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาความมั่นคง
พร้อมผลตอบแทนสม่ำเสมอในสภาวะดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง
หุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) จำนวน 4 ชุด โดยมีอายุหุ้นกู้ให้เลือกตั้งแต่
4 ปี ถึง 10 ปี ครอบคลุมนักลงทุนทั้งผู้ที่ต้องการลงทุนระยะกลาง
หรือระยะยาว วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้
และเพื่อให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทย่อยเพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระ
โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน
และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6
เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม วันที่ 1 และวันที่ 4 สิงหาคม
2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ซึ่งบริษัทฯ หวังว่าหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
โดยหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดที่เสนอขาย มีรายละเอียดดังนี้
1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.20-3.30]% ต่อปี
2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.40-3.50]% ต่อปี
3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.50-3.65]% ต่อปี
4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.70-3.85]% ต่อปี และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่
5 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้
และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้
เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.
ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้
และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th
หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง
7 แห่ง ได้แก่
• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด
(มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking
• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา
โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest
(ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล
สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด
(มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารไทยพาณิชย์
จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777
6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์
อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย
จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626
7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai
•
ธนาคารยูโอบี
จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285
1555
•
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004
•
บริษัทหลักทรัพย์
เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 165 5555
หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ Dime! และรวมถึง
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์
เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)