12 มิ.ย. 2568 248 0

ไปรษณีย์ไทย ผสาน หมอจุฬาฯ เปิดมิติใหม่ส่งยาด้วยรัก ยกระดับสุขภาพสี่ขา...ทันยุคดิจิทัล

ไปรษณีย์ไทย ผสาน หมอจุฬาฯ เปิดมิติใหม่ส่งยาด้วยรัก ยกระดับสุขภาพสี่ขา...ทันยุคดิจิทัล




ก้าวสำคัญที่ถือเป็นการพลิกโฉมวงการสุขภาพสัตว์เลี้ยงของประเทศไทย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะสัตวแพทยศาสตร์ และโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ เปิดตัวแคมเปญ “พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก” ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่ผสานความเชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์เข้ากับเครือข่ายการขนส่งระดับประเทศ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงทั่วประเทศ โดยมุ่งหวังลดภาระการเดินทาง ค่าใช้จ่าย และความแออัดในโรงพยาบาลสัตว์


ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์นี้ว่า “ความร่วมมือโครงการ ‘พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก’ ครั้งนี้เกิดจากพลังของสององค์กรที่เห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายที่มีอยู่มาผสานกันเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง” ท่านเน้นย้ำว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ได้จำกัดบทบาทเพียงการสอนหรือวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างระบบนิเวศใหม่ให้กับสังคม ขณะที่ไปรษณีย์ไทยได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทอันทรงคุณค่าในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงแค่รับส่งพัสดุ แต่ยังสามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบบริการสุขภาพที่เท่าเทียม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกภูมิภาค และขยายผลไปถึงสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก ความร่วมมือนี้จึงมิได้เป็นเพียงการอำนวยความสะดวก แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่แนวคิดใหม่ๆ ในการบูรณาการบริการภาครัฐและวิชาการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการวางรากฐานให้ระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงของไทยมีความแข็งแรง คล่องตัว และพร้อมต่อยอดสู่การเป็นโครงสร้างถาวรในระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงของประเทศต่อไปในอนาคต

การตอบรับเทรนด์ตลาดสัตว์เลี้ยงที่เติบโตต่อเนื่อง


ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความนิยมในการเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ข้อมูลที่น่าสนใจ ปัจจุบันมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะในกลุ่มบริการรักษาสัตว์มีมูลค่าสูงถึง 6.64 แสนล้านบาท และมีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 นี้ จำนวนสัตว์เลี้ยงของไทยจะมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาราว 6% คิดเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของประมาณ 5.38 ล้านตัว โดยสุนัขและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมสูงสุด ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงโอกาสอันมหาศาลในการเติบโตของการขนส่ง ระบบการรักษา และโลจิสติกส์ในกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้ว่า เป็นการจับมือครั้งสำคัญระหว่างสองแบรนด์ระดับประเทศอย่าง ‘จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย’ และ ‘ไปรษณีย์ไทย’ ซึ่งเป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่มีพลังขับเคลื่อนทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว รวมถึงมิติสุขภาพสัตว์ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบูรณาการจุดแข็งของทั้งสององค์กร ทั้งในด้านเครือข่ายการขนส่งระดับประเทศของไปรษณีย์ไทย และความเชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์ของจุฬาฯ ได้ก่อให้เกิดห่วงโซ่คุณค่าที่สำคัญต่อวงการสุขภาพสัตว์ในประเทศ ซึ่งจะไม่เพียงยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงเท่านั้น แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่นอกเขตเมือง ซึ่งอาจยังเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพสัตว์ในรูปแบบดั้งเดิม

ไปรษณีย์ไทย มากกว่าผู้ส่งพัสดุ สู่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพ


โครงการ ‘พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก’ ยังช่วยตอกย้ำบทบาทของ ‘ไปรษณีย์ไทย’ ในฐานะ โครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพของประเทศ ไม่เพียงจากการเป็นผู้นำการขนส่งพัสดุ แต่ยังเป็นพันธมิตรด้านสุขภาพที่สามารถเชื่อมโยงการรักษา-บริการและเวชภัณฑ์ให้เข้าถึงหน้าบ้านได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยมาตรฐานการขนส่งที่ไว้วางใจได้ และยังสะท้อนถึงการเป็นหน่วยงานสื่อสารและขนส่งของชาติที่ยืนอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกมิติ

ดร.ดนันท์ ได้เสริมว่า ความร่วมมือกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความเชี่ยวชาญของไปรษณีย์ไทยในด้านการขนส่งด้วยแนวคิด “Parcel Defined Logistics” ที่ออกแบบระบบขนส่งให้เหมาะสมกับสิ่งของทุกประเภท รวมถึงการขนส่งยาและเวชภัณฑ์ที่ไปรษณีย์ไทยได้เริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปี 2555 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยและโรงพยาบาล ปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่ใช้บริการส่งยาและเวชภัณฑ์ผ่านไปรษณีย์ไทยกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ อาทิ โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลจุฬาภรณ์, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมีการขนส่งไปแล้วกว่า 2.32 ล้านชิ้น ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญนี้จึงถูกนำมาปรับใช้กับการขนส่งยาและเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ

บริการส่งยาและเวชภัณฑ์ถึงบ้าน สะดวก ปลอดภัย ลดภาระ


บริการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงครั้งนี้เป็นการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้บริการที่เป็นคนรักสัตว์ที่มีแนวโน้มจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย ไปรษณีย์ไทยให้บริการผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่


1.บริการส่งยาถึงบ้านสำหรับผู้มาใช้บริการที่โรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ


2. บริการส่งยาถึงบ้านสำหรับผู้ใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ (Televet)

เป้าหมายหลัก คือ เพื่อลดระยะเวลารอคอยในการรอรับยาและลดความแออัดในโรงพยาบาลที่มีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางสำหรับผู้ใช้บริการที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล การบริการนี้ผสานจุดแข็งของไปรษณีย์ไทยที่มีบริการส่งด่วน EMS การันตีมาตรฐานการจัดส่งภายใน 1-2 วันทำการ ส่งตรงถึงบ้านด้วยบรรจุภัณฑ์และวิธีการขนส่งที่เหมาะสมในการช่วยรักษาประสิทธิภาพของยาและเวชภัณฑ์ ผู้ใช้บริการยังสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้แบบ เรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยเครือข่ายไปรษณีย์ไทยกว่า 50,000 จุด ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คน ที่มีความชำนาญทุกเส้นทาง โดยบริการจัดส่งเริ่มต้นในอัตราค่าบริการเพียง 120 บาทต่อครั้ง

สัตวแพทย์จุฬาฯ จากผู้รักษา สู่ผู้สร้างระบบสุขภาพสัตว์แห่งอนาคต


ศาสตราจารย์ สพ.ญ.ดร.สันนิภา สุรทัตต์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของความต้องการและพฤติกรรมการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงในไทยและในภูมิภาค โดยเฉพาะความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยง การเปลี่ยนแปลงนี้กำลังผลักดันให้เกิดความต้องการผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม บริการที่เน้นสุขภาพ และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ท่านเน้นย้ำว่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ จึงไม่ได้มองเพียงการเป็น ‘ผู้รักษา’ แต่พร้อมเดินหน้าสู่การเป็น ‘ผู้สร้างระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่ดีแห่งอนาคต’ ที่มีองค์ประกอบครบทั้งการวิจัย บริการ และการเข้าถึง ความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยครั้งนี้จึงถือเป็น โมเดลต้นแบบ ที่สามารถต่อยอดไปสู่ภาคส่วนอื่นๆ ได้ในอนาคต ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนสุขภาพสัตว์เลี้ยงไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และตอบสนองความคาดหวังของเจ้าของสัตว์เลี้ยงยุคใหม่ที่มองว่าสัตว์เลี้ยงคือสมาชิกในครอบครัวอย่างแท้จริง

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว คณะฯ เล็งเห็นโอกาสที่สำคัญในการใช้ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ และความเชี่ยวชาญของคณะฯ มาเสริมความเชื่อมั่นให้กับเจ้าของและตลาดสัตว์เลี้ยง ปัจจุบัน คณะสัตวแพทยศาสตร์มีทรัพยากรที่เพียบพร้อม ทั้งโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ ที่ให้บริการทางคลินิกที่ครอบคลุมและเฉพาะทางสำหรับสัตว์เลี้ยงหลากหลายชนิด รวมถึงการดูแลฉุกเฉิน การวินิจฉัยขั้นสูง (CT-Scan, MRI) และคลินิกเฉพาะทาง โรงพยาบาลสัตว์แห่งนี้ยังได้รับการยอมรับในฐานะ โรงเรียนสัตวแพทย์แห่งแรกและเป็นผู้นำในประเทศไทย และได้รับการยกย่องในระดับโลก ซึ่งสิ่งนี้ตอกย้ำความน่าเชื่อถือทางระบบการรักษาให้กับผู้ใช้บริการทั่วประเทศ


อาจารย์ น.สพ.ชัยยศ ธารรัตนะ ผู้ช่วยคณบดี และผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ ได้ให้มุมมองจากฝั่งโรงพยาบาลสัตว์ว่า การดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงยุคใหม่ต้องได้รับการออกแบบให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เริ่มตั้งแต่การเข้ารับคำปรึกษาผ่านระบบ Televet การวางแผนการรักษา การติดตามอาการ การสื่อสารกับสัตวแพทย์ ไปจนถึงระบบการส่งยาถึงบ้านที่ปลอดภัยและมีมาตรฐาน โครงการ ‘พี่ไปรฯ ส่งยาสัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก’ จึงถือเป็นหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่เข้ามาเติมเต็มระบบนี้ให้สมบูรณ์ และทำให้การรักษา-ดูแลสัตว์มีความเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น

แคมเปญนี้กำลังนำไปสู่โครงสร้างพื้นฐานของ “Pet Health Infrastructure” ที่เชื่อมต่อบริการสุขภาพสัตว์เลี้ยงทุกขั้นตอนเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ และถือเป็นทิศทางใหม่ของการดูแลสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยอย่างแท้จริง ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มคนรักสัตว์ในยุคดิจิทัลที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มครอบครัวในเมืองและพื้นที่ห่างไกล ที่ต้องการบริการสุขภาพที่เชื่อถือได้แต่ไม่จำเป็นต้องพาสัตว์เลี้ยงเดินทางไปยังโรงพยาบาลสัตว์ ยิ่งไปกว่านั้น โครงการนี้ยังช่วยเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของคนไทยต่อการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่สามารถดำเนินการได้ทุกที่อีกด้วย

วิสัยทัศน์เพื่ออนาคตสุขภาพสัตว์เลี้ยงไทย


ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทยและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การให้บริการจัดส่งยา แต่เป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคตของระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยง สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ และเป็นต้นแบบของการบูรณาการความเชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก หากโครงการนี้สามารถขยายผลไปยังภูมิภาคอื่นๆ หรือกลุ่มโรงพยาบาลสัตว์ในเครือข่ายเพิ่มเติม ก็จะยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของไปรษณีย์ไทยในฐานะแบรนด์ที่ขับเคลื่อน Well-being ของสังคมไทยอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันยังสะท้อนบทบาทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะผู้สร้างระบบสุขภาพสัตว์ที่มีมาตรฐาน เข้าถึงได้ และมีโอกาสต่อยอดไปสู่ระดับนโยบายประเทศต่อไปในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนสุขภาพสัตว์เลี้ยงไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และตอบสนองความคาดหวังของเจ้าของสัตว์เลี้ยงในยุคใหม่ที่มองว่าสัตว์เลี้ยงคือสมาชิกในครอบครัวอย่างแท้จริง