เอไอเอส ตอกย้ำบทบาทในการสนับสนุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยการประกาศเปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด “AIS Infinite SMEs” ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการร่วมมือเพื่อทรานส์ฟอร์มธุรกิจสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีไทยให้สามารถเชื่อมต่อกับทุกความเป็นไปได้และเติบโตได้อย่างยั่งยืน โครงการนี้มีเป้าหมายในการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทยในทุกมิติ ทั้งด้านองค์ความรู้ โซลูชันอัจฉริยะ การสร้างพันธมิตร รวมถึงการยกระดับมาตรฐานธุรกิจสู่ระดับสากล เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและไร้ขีดจำกัด

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวเน้นย้ำว่า การสนับสนุนผู้ประกอบการไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเอไอเอส บริษัทได้วางรากฐานด้านนี้มาตั้งแต่กว่า 15 ปีที่แล้ว ภายใต้โครงการ AIS The StartUp ซึ่งนับเป็นกิจกรรมระดับชาติครั้งแรกของประเทศไทยที่จุดประกายความเคลื่อนไหวในวงการสตาร์ทอัพ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เอไอเอสภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการนำสินค้าและบริการของสตาร์ทอัพกว่า 100 รายออกสู่ตลาด และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดและขยายธุรกิจไปยังภาคส่วนใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับแนวโน้มของโลกยุคใหม่ ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงจากระบบขนส่งในเมืองไปสู่ระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Mobility) โดยใช้เทคโนโลยีสีเขียวเป็นกลไกขับเคลื่อน ผ่านการสนับสนุนด้านองค์ความรู้และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีศักยภาพการเปิดตัว AIS Infinite SMEs ในครั้งนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์หลักของเอไอเอสในปีนี้ คือ AI for Sustainable Nation ที่มุ่งนำศักยภาพของโครงข่ายอัจฉริยะและ AI มายกระดับทุกภาคส่วนของประเทศ รวมถึงภาคธุรกิจเอสเอ็มอี

ดังนั้น AIS Infinite SMEs จึงมาพร้อมกับพันธกิจใหม่ในการเชื่อมโยงทุกความเป็นไปได้เพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด และยกระดับมาตรฐานเอสเอ็มอีไทยสู่ระดับสากล โดยจะเชื่อมโยงธุรกิจในทุกมิติ ทั้งเทคโนโลยีดิจิทัล ตลาด และคู่ค้าพันธมิตร เพื่อสร้างระบบนิเวศแบบเติบโตร่วมกัน
พันธกิจดังกล่าวจะขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ “3 ส” อันประกอบด้วย:

• เสริม ทักษะที่ใช่ สำหรับการทำธุรกิจในโลกดิจิทัล เพื่อให้เอสเอ็มอีเติบโตได้อย่างมั่นคงและแตกต่าง

• สร้าง ระบบหลังบ้านที่เข้มแข็ง ได้มาตรฐานระดับสากล เช่น มาตรฐาน ISO เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาคู่ค้าและนักลงทุน และเตรียมพร้อมรองรับการเติบโตในระยะยาว ซึ่งถือเป็น “ใบเบิกทาง” สำคัญสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี

• สยายปีก ด้วยการนำศักยภาพของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เอไอเอสมี มาช่วยขยายโอกาสการเติบโตให้ไกลยิ่งขึ้น เชื่อมโยงธุรกิจเอสเอ็มอีเข้ากับกลุ่มลูกค้าจำนวนมากทั่วประเทศ และเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ อีกมากมาย 

สำหรับการดำเนินงานเชิงลึก AIS Infinite SMEs จะดำเนินการภายใต้แนวคิด “Transformation และ Standardization” ซึ่งประกอบด้วยหลักการใหญ่ 3 ประการ ได้แก่:

• Infinite Skills: เปิดประตูความรู้เพื่อการเติบโตของเอสเอ็มอีไทยทั่วประเทศ โดยมี AIS Academy ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 30401 (Knowledge Management Systems) เป็นแกนหลักในการพัฒนาหลักสูตรสำหรับผู้ประกอบการ เนื้อหาครอบคลุม 3 แกนหลัก คือ Information Technology, Marketing และ Entrepreneurship นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับ F11/Wecosystem ในการจัดทำคอนเทนต์บนช่องทางออนไลน์ที่ย่อยง่ายเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการเติบโต เพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ในโลกธุรกิจจริงได้ทันที

• International Standards: ยกระดับเอสเอ็มอีไทยสู่มาตรฐานสากล ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานสำคัญ อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ depa ในการผลักดันมาตรฐาน ISO 29110 ซึ่งเป็นมาตรฐานเฉพาะทางสำหรับ Software SMEs และที่น่าจับตาคือ การริเริ่มจัดตั้ง ISO Marketplace for SMEs เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

• Infinite Scales: จัดทำหลักสูตร Transformative Infinite SME เพื่อตอบโจทย์เอสเอ็มอีที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มธุรกิจที่กำลังขยายตัว (Scale-up) และกลุ่มทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ที่สืบทอดกิจการของครอบครัวและต้องการยกระดับธุรกิจ โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรหลากหลายภาคส่วน ทั้งองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน และผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA), สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัว (AFBE), และ F11/Wecosystem ในมุมมองของภาคอุตสาหกรรม

อภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ชี้ให้เห็นว่า โครงสร้างเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัย ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ อาทิ มาตรการด้านภาษีของสหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการผลิตและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดแนวโน้มใหม่ในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวทาง ESG ที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันบนเวทีโลกในปัจจุบันท่ามกลางบริบทที่ท้าทายนี้ เอสเอ็มอียังคงเป็นกำลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย โดยมีสัดส่วนกว่า 99% ของภาคธุรกิจทั้งหมด ดังนั้น การเสริมสร้างขีดความสามารถและยกระดับมาตรฐานให้กับเอสเอ็มอีจึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จึงได้ร่วมมือกับเอไอเอสในการสนับสนุนและพัฒนาเอสเอ็มอีไทยในหลากหลายมิติ ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมการได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เช่น ISO/IEC 29110:2018 การจัดตั้ง สถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) เพื่อยกระดับเอสเอ็มอีภาคการผลิต และการผลักดันให้ธุรกิจไทยเดินหน้าอย่างมั่นคงภายใต้แนวทาง “4 Go” ซึ่งประกอบด้วย Go Digital & AI, Go Innovation, Go Global และ Go Green นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการผลิตสินค้าและบริการภายใต้ตราสัญลักษณ์ “Made in Thailand (MiT)” – ไทยซื้อไทย ใช้ของไทย ไม่แพ้ใครแน่นอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เอสเอ็มอีไทยแข่งขันได้ทั้งในประเทศและตลาดโลก สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับแนวทางในการสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง และเสริมสร้างความภาคภูมิใจในสินค้าฝีมือคนไทยอย่างแท้จริง

อภิชิตกล่าวย้ำว่า ความร่วมมือระหว่าง ส.อ.ท. และ เอไอเอสในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงความร่วมมือเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับภาคธุรกิจเท่านั้น แต่คือ พันธสัญญาร่วมกันในการสร้างโอกาสใหม่ และวางรากฐานที่มั่นคงให้กับเศรษฐกิจไทยในอนาคต

สมชัย ผู้บริหารเอไอเอส กล่าวทิ้งท้ายว่า เอไอเอสเชื่อมั่นเสมอว่า ธุรกิจและประเทศไทยจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น ทุกภาคส่วนต้องเติบโตเคียงข้างกัน เปรียบเสมือนฝูงปลาที่ว่ายน้ำไปพร้อมกันเพื่อสร้างคลื่นเศรษฐกิจไทยที่แข็งแรง ดังนั้น AIS Infinite SMEs จึงเกิดขึ้นมาเพื่อเติมพลังและแรงขับเคลื่อนให้กับเอสเอ็มอีไทย โดยทำหน้าที่เป็นพันธมิตรคนกลางที่ช่วยเชื่อมโยงทุกโอกาส ร่วมสร้าง ร่วมเติบโต และร่วมเปลี่ยนอนาคตเศรษฐกิจไทยไปสู่การเติบโตที่ไร้ขีดจำกัด

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIS Infinite SMEs ได้ที่ https://www.ais.th/infinite-smes