จากเหตุการณ์ล่าสุด ไม่กี่วันที่ผ่านมา "อินเทอร์เน็ตค่ายใหญ่ทรูล่ม" ทั้งระบบ ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ไม่คาดคิดล่วงหน้า เมื่อระบบไฟฟ้าของศูนย์โครงข่ายหลัก (Core Network) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการให้บริการโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตของประเทศ ประสบเหตุขัดข้องอย่างรุนแรง ส่งผลให้บริการสื่อสารเกือบทุกประเภทหยุดชะงักเป็นวงกว้าง ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบโดยตรง และต้องเร่งปรับตัวหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตนเอง ท่ามกลางความพยายามอย่างเร่งด่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกู้คืนระบบ
จุดเริ่มต้นของวิกฤต: Core Network ล่ม
เบื้องต้นเมื่อเหตุการณ์ไฟฟ้าขัดข้องเกิดขึ้นที่ศูนย์ Core Network แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อและบริหารจัดการข้อมูลการสื่อสารทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์, ไปจนถึงโครงข่ายสำหรับองค์กรต่างๆ ความสำคัญของ Core Network เปรียบเสมือนสมองของระบบสื่อสารทั้งหมดของประเทศ หากส่วนนี้หยุดทำงาน ก็จะส่งผลให้การรับส่งข้อมูลเป็นไปไม่ได้
ทันทีที่ระบบไฟฟ้าขัดข้อง ระบบสำรองฉุกเฉินควรจะทำงานโดยอัตโนมัติ แต่ในสถานการณ์นี้กลับพบว่าระบบสำรองบางส่วนไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หรืออาจเกิดจากความเสียหายที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเกินกว่าที่ระบบสำรองจะรองรับได้ ทำให้การสื่อสารในหลายพื้นที่ทั่วประเทศถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง
ผลกระทบในวงกว้าง คือ ดิจิทัลเป็นอัมพาตทั่วประเทศ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการขัดข้องของ Core Network แผ่ขยายไปในทุกมิติของชีวิตดิจิทัล การสื่อสารส่วนบุคคล ทำให้ประชาชนไม่สามารถโทรออกหรือรับสายได้ รวมถึงไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ ทำให้การติดต่อสื่อสารกับครอบครัว เพื่อน หรือที่ทำงานเป็นไปไม่ได้
ธุรกิจและเศรษฐกิจ: ร้านค้าออนไลน์, แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่, ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์, และการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านธนาคารออนไลน์หยุดชะงัก ธุรกิจจำนวนมากไม่สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างประเมินค่าไม่ได้
การศึกษา: นักเรียนนักศึกษาที่เรียนออนไลน์ไม่สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ การประชุมออนไลน์ถูกยกเลิก
บริการสาธารณะ: ระบบการแจ้งเตือนภัย, การติดต่อฉุกเฉิน, และบริการภาครัฐออนไลน์บางส่วนอาจได้รับผลกระทบ ทำให้เกิดความล่าช้าในการให้บริการที่จำเป็น
การคมนาคม: แม้ระบบการเดินรถหลักอาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่แอปพลิเคชันเรียกรถ หรือระบบนำทางที่ต้องพึ่งพาสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ไม่สามารถใช้งานได้
การแก้ไขเบื้องต้นของประชาชนและการปรับตัวรับมือวิกฤต
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ระบบสื่อสารหลักล่ม ประชาชนจำนวนมากได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยวิธีการต่างๆ ได้แก่
- มองหา Wi-Fi สาธารณะหรือเครือข่ายทางเลือก: บางส่วนที่ยังคงมีสัญญาณ Wi-Fi ที่เป็นอิสระจาก Core Network ที่ขัดข้อง (เช่น Wi-Fi ของอาคารบางแห่งที่อาจใช้การเชื่อมต่อคนละเส้นทาง) พยายามเชื่อมต่อเพื่อเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารที่จำเป็น
- กลับสู่การสื่อสารแบบดั้งเดิม : การสื่อสารด้วยตนเอง การไปพบปะพูดคุย แทนการโทรศัพท์หรือส่งข้อความกลับมามีบทบาทอีกครั้ง ประชาชนบางรายกลับไปใช้โทรศัพท์บ้านแบบมีสาย (หากยังมีอยู่) หรือวิทยุในการติดตามข่าวสาร
- ใช้ประโยชน์จาก Offline Data สำหรับผู้ที่ดาวน์โหลดแผนที่, เพลง, หรือเอกสารสำคัญเก็บไว้ในอุปกรณ์ ก็ยังคงสามารถใช้งานได้ แม้จะไม่มีอินเทอร์เน็ต
- การสร้างเครือข่ายช่วยเหลือกันเอง : ประชาชนในชุมชนเดียวกันได้ร่วมกันแบ่งปันข้อมูลและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่น การแจ้งข่าวสารด้วยวาจา การช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ไม่คุ้นเคยกับการไม่มีอินเทอร์เน็ต
- การวางแผนสำรองสำหรับการทำธุรกรรม หลายคนตระหนักถึงความจำเป็นในการมีเงินสดสำรองติดตัว หรือเรียนรู้การทำธุรกรรมที่สาขาธนาคารแทนการพึ่งพาแอปพลิเคชัน
บทเรียนและการตั้งคำถามถึงอนาคต
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความเปราะบางของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เราพึ่งพาอย่างมากในปัจจุบัน จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงของระบบ Core Network และความจำเป็นในการมีแผนรับมือกับภัยพิบัติทางไซเบอร์ หรือความขัดข้องทางเทคนิคขนาดใหญ่
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมายืนยันว่ากำลังเร่งดำเนินการกู้คืนระบบอย่างเต็มกำลัง และจะมีการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของความขัดข้องในครั้งนี้อย่างละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีกในอนาคต รัฐบาลเองเช่นกัน แม้แต่ กสทช. ก็ตาม ควรหารือถึงมาตรการร่วมกัน
สำหรับประชาชนทั่วไป เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการเตรียมความพร้อมในการใช้ชีวิตในยุคที่ไร้การเชื่อมต่อชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นการมีแผนสำรองด้านการสื่อสาร การเงิน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อลดผลกระทบหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต...ตื่นตัว ไม่ตื่นตูม