9 พ.ค. 2568 269 0

ซีเมนส์ จัดงาน 'F&B Tech Summit 2025' นำไอทีขับเคลื่อนอุตฯ อาหารและเครื่องดื่ม รับมือความท้าทายในยุคดิจิทัล

ซีเมนส์ จัดงาน 'F&B Tech Summit 2025' นำไอทีขับเคลื่อนอุตฯ อาหารและเครื่องดื่ม รับมือความท้าทายในยุคดิจิทัล

ซีเมนส์ จัดงาน Siemens F&B Tech Summit 2025 ขึ้นในวันนี้ เพื่อนำเสนอวิสัยทัศน์และโซลูชันเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ท่ามกลางแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความท้าทายด้านการผลิตแบบดั้งเดิม พร้อมตอกย้ำบทบาทของภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางที่มีศักยภาพการเติบโตสูง

ภายในงาน ซีเมนส์ ดิจิทัล อินดัสตรีส์ ซอฟต์แวร์ ได้เปิดเผยถึงการนำโซลูชันโลจิสติกส์ดิจิทัลของซีเมนส์มาใช้เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด (TVOP) ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันบริโภคของไทย เป็นผู้ริเริ่มนำโซลูชันนี้ไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทานของบริษัท ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของซีเมนส์ในการขยายฐานในตลาดห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้


งานได้กล่าวถึงแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก ซึ่งมีการเติบโตรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เพื่อคงความสามารถในการแข่งขัน ประเด็นสำคัญที่ถูกเน้นย้ำ คือ นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภค ซึ่งต้องการห่วงโซ่อุปทานที่โปร่งใสและยืดหยุ่น ควบคู่กับการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า มีการผนวกเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, Cloud และ Edge computing, และ 5G เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้านความยั่งยืน เช่น การลดการใช้น้ำและคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และการใช้พลังงานสะอาด 100% ในโรงงาน ผู้บริโภคยังมีความต้องการผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นและผลิตอย่างมีจริยธรรม และมีศักยภาพการเติบโตสูงในภาคส่วนใหม่ๆ เช่น โปรตีนทางเลือก เทคโนโลยีช่วยให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อกัน และการจัดส่งที่รวดเร็วขึ้น


ภูมิภาคอาเซียนถูกมองว่าเป็นภูมิภาคที่เหมาะสมสำหรับการเติบโต โดยคาดว่าตลาดจะขยายตัวจาก 667 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 900 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2571 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 6.9% ตลาดอาเซียนมีความยืดหยุ่นและผันผวนต่ำ คาดว่าจะให้ผลตอบแทนระยะยาวที่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้อย่างหลากหลาย อาเซียนมีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และกลุ่มชนชั้นกลางกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการใช้อีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มการจัดส่ง และคลาวด์คิทเชนอย่างแพร่หลาย รวมถึงนวัตกรรมด้านการจัดส่งอาหารและการขนส่งและจัดเก็บภายในองค์กร

ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของโลกและภูมิภาค อุตสาหกรรมนี้เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของ GDP และจ้างงานมากกว่า 20% ของแรงงานในประเทศ ไทยเป็นผู้นำการส่งออกระดับโลก โดยเป็นอันดับ 2 ในการส่งออกข้าวและอาหารทะเลแปรรูป และอันดับ 3 ในการส่งออกน้ำตาล แผนกลยุทธ์ "ไทยแลนด์ 4.0" มุ่งเน้นอาหารสำหรับอนาคตและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในภาคส่วนสำคัญนี้ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาลระดับโลก โดยมีเป้าหมายที่ประชากรอาเซียน 40% ที่บริโภคอาหารฮาลาล ด้วยการมีโรงงานและศูนย์วิทยาศาสตร์ที่ได้รับการรับรอง และมุ่งสู่การเป็นผู้ส่งออกฮาลาลรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน


อย่างไรก็ตาม กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมยังคงมีข้อจำกัดและไม่สามารถตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ได้ ความท้าทายสำคัญห้าประการได้แก่ ความล่าช้าในการส่งมอบ, ความไม่ยืดหยุ่นในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้, ปัญหาการขยายขนาดการผลิตซึ่งนำไปสู่การสูญเสียและพลังงานเพิ่มขึ้น, ความยากลำบากในการปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ๆ, และความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์

เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ การพัฒนาจากโรงงานมาตรฐานไปสู่โรงงานผลิตอัจฉริยะจึงมีความจำเป็น โรงงานอัจฉริยะใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และเครื่องจักรที่เรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่ปรับแต่งได้ เชื่อมต่อกัน และปรับเปลี่ยนได้ ข้อมูลชี้ว่ากว่า 70% ของบริษัทกำลังได้รับประโยชน์จากโซลูชันการผลิตอัจฉริยะ แม้ว่า 40% ของผู้ผลิตไทยรายใหญ่ได้เริ่มนำเทคโนโลยี Industry 4.0 มาใช้แล้ว แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การสำรวจในปี 2564 พบว่าประมาณ 28% ของบริษัทมีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในระดับหนึ่ง ปัจจุบัน มีเพียง 5% ของกระบวนการผลิตในไทยที่ใช้ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ขณะที่ 61% ยังคงเป็นระบบแมนนวล

ปัจจัยสำคัญสามประการของการผลิตอัจฉริยะ ได้แก่ วิศวกรรมการผลิตที่คล่องตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสินทรัพย์และเพิ่มขนาด/ความคล่องตัว, การผลิตที่ยืดหยุ่นและคาดการณ์ได้ที่ช่วยจัดการความซับซ้อนและขยายขนาดการผลิตพร้อมคงคุณภาพและกำไร, และการดำเนินงานที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงโดยใช้ประโยชน์จาก IoT, machine learning และการวิเคราะห์

ประโยชน์ของการผลิตอัจฉริยะที่เน้นการสร้างคุณค่าประกอบด้วย ลดเวลาในวงจรของโครงการใหม่ลงถึง 30%, โรงงานดิจิทัลเต็มรูปแบบ 100%, ลดเวลาในการทดสอบการใช้งานลงถึง 50%, มีความแม่นยำสูงถึง 98% ในการจำลองการผลิต, และเพิ่มผลิตผลการผลิตถึง 10-20%


ซีเมนส์นำเสนอ Business Digital Threads จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Siemens X celerator ซึ่งเมื่อรวมกับความรู้เชิงลึกในอุตสาหกรรม จะสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจ F&B โซลูชันเหล่านี้ครอบคลุมถึงการจัดการข้อมูลตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์, การออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการอัจฉริยะที่รวมกระบวนการพัฒนาสหสาขาวิชาชีพไว้ในสภาพแวดล้อมเดียว, การจัดการสูตรระดับองค์กรที่ช่วยให้บริษัทสามารถตรวจสอบสูตรเสมือนและค้นหาตัวเลือกการผลิตที่ดีที่สุดได้ทั่วโลก, การผลิตอัจฉริยะที่ใช้ Digital Twin ที่ครอบคลุมสภาพแวดล้อมการผลิตเพื่อตรวจสอบในโลกเสมือนและเชื่อมโยงการออกแบบกับการดำเนินการในโรงงานอย่างยืดหยุ่น, และการตรวจสอบย้อนกลับและข้อมูลเชิงลึกตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ขยายการมองเห็นข้อมูลคุณภาพและความถูกต้องทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน

ซีเมนส์เชื่อว่าด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจะสามารถพัฒนาสายการผลิตจากระบบที่ตายตัวไปสู่ระบบที่ปรับเปลี่ยนได้ มีความเป็นโมดูลาร์ และมีความยืดหยุ่นและยั่งยืนในที่สุด การปรับมุมมองการผลิตให้มุ่งเน้นความรวดเร็วและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับผู้ผลิตในอุตสาหกรรม F&B ในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและคว้าโอกาสการเติบโตในอนาคต

บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด เลือกใช้ซอฟต์แวร์ดิจิทัลโลจิสติกส์ของซีเมนส์ 

บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด (TVOP) ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันพืชของประเทศไทย ได้ประกาศนำโซลูชันดิจิทัลโลจิสติกส์ของซีเมนส์ ดิจิทัล อินดัสทรีส์ ซอฟต์แวร์ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทาน การนำโซลูชันนี้มาใช้ถือเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซีเมนส์ในการขยายธุรกิจในตลาดห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้

TVOP ได้นำระบบจัดการการขนส่ง (Transportation Management System - TMS) ซึ่งพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม AX4 ของซีเมนส์ แพลตฟอร์ม AX4 เป็นซอฟต์แวร์บนระบบคลาวด์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการวางแผนและติดตามกระบวนการโลจิสติกส์การขนส่งได้อย่างครอบคลุมในทุกช่องทางและพื้นที่ เป้าหมายหลักของการนำระบบนี้มาใช้คือการเพิ่มความแม่นยำของข้อมูลสถานะการขนส่งสินค้าและวัสดุ ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการรับสินค้าเข้ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และส่งผลให้ลูกค้าปลายทางได้รับสินค้าตรงเวลาและความพึงพอใจที่สูงขึ้น

อดุลย์ เปรมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า "เราตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับซีเมนส์เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในด้านโลจิสติกส์กับห่วงโซ่อุปทานของเรา แพลตฟอร์ม AX4 ให้เครื่องมือที่เราต้องการเพื่อส่งมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า และช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทำให้ห่วงโซ่อุปทานมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น"


แพลตฟอร์ม AX4 ช่วยให้สามารถมองเห็นภาพรวมของเครือข่ายการขนส่งทั้งหมดได้แบบครบวงจร สามารถติดตามสถานะการจัดส่งแบบเรียลไทม์ และจัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ TVOP สามารถทำงานร่วมกับทีมงานภายในและผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภายนอกได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยรวม และช่วยลดการทำงานที่ต้องทำด้วยมือ รวมถึงการกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน

ซีเมนส์ ดิจิทัล อินดัสทรีส์ ซอฟต์แวร์ จะให้บริการคำปรึกษาและให้แนวทางการนำไปปรับใช้ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย แพลตฟอร์ม AX4 จะถูกส่งมอบในรูปแบบโซลูชัน SaaS (Software as a Service) บนคลาวด์ โดยซีเมนส์ดิจิทัลโลจิสติกส์จะเป็นผู้โฮสต์และดูแลระบบ พร้อมการประมวลผลข้อมูลที่ปลอดภัยและมีพันธสัญญาด้านความพร้อมใช้งาน

อเล็กซ์ เตียว กรรมการผู้จัดการและรองประธาน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซีเมนส์ ดิจิทัล อินดัสทรีส์ ซอฟต์แวร์ กล่าวว่า "การตัดสินใจของ TVOP ในการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลโลจิสติกส์ของซีเมนส์ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของซีเมนส์ ดิจิทัล อินดัสทรีส์ ซอฟต์แวร์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากการนำมาใช้นี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่จับต้องได้ของโซลูชัน AX4 ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงภาพรวม ประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างความยืดหยุ่นให้กับเครือข่ายการขนส่งที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นบทใหม่ของซีเมนส์ ในการนำความสามารถด้านดิจิทัลสำหรับโลจิสติกส์ที่เชื่อถือได้มาสู่ภูมิภาคที่ห่วงโซ่อุปทานมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก"


อเล็กซ์ กล่าวเสริมว่า ซีเมนส์มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรกับ TVOP ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนธุรกิจอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้สามารถปลดล็อกความเป็นเลิศในการดำเนินงานผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

ยุทธศาสตร์ 3R ซีเมนต์สู่ความยั่งยืน

ความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนและความยืดหยุ่น เป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะสำหรับผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ยั่งยืน Siemens เล็งเห็นว่าเทคโนโลยีและโซลูชันของตนสามารถช่วยขับเคลื่อนบริษัทและธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย ทั้งในภาค FMCG และการเกษตร ให้สามารถ แข่งขัน ได้ในตลาดโลก ความยั่งยืน มาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ ความยืดหยุ่น หรือ resilience หมายถึงความสามารถในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วตามสถานการณ์ ซึ่ง Siemens ต้องการให้รัฐบาลไทยเข้าใจและเห็นว่าพวกเขามีความพร้อมที่จะช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมไทยในการก้าวไปข้างหน้า

ซีเมนส์ ชูโซลูชันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย มุ่ง "แข่งขันได้ ยั่งยืน และยืดหยุ่น" 

ซีเมนส์ หนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ยืนยันความพร้อมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย ด้วยโซลูชันที่มุ่งเน้น ความสามารถในการแข่งขัน (competitive) ความยั่งยืน (sustainable) และความยืดหยุ่น (resilient) ในมุมมองของซีเมนส์ เทคโนโลยีและโซลูชันของพวกเขาสามารถช่วย ขับเคลื่อนบริษัทและธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่อย่าง FMCG (สินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวเร็ว) ธุรกิจท้องถิ่น ไปจนถึงภาคเกษตรกรรมมซีเมนส์ช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถ แข่งขันได้ในตลาด


ความยั่งยืน ถือเป็นข้อกำหนดที่สำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้บริโภคกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านี้ในทางที่ดีและสร้างสรรค์ และต้องการเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ยั่งยืน ความยั่งยืนในมุมนี้รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างมีคุณภาพและการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมในส่วนของ ความยืดหยุ่น (resilient) ซึ่งมีความสำคัญเป็นพิเศษในสภาวะความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน ความยืดหยุ่นหมายถึงความสามารถในการดำเนินงานด้านการผลิตที่มีความยืดหยุ่น คาดการณ์ได้ มีการปรับปรุงให้เหมาะสมที่สุด และมีความยั่งยืน. เทคโนโลยีของซีเมนส์มีเป้าหมายเพื่อให้การดำเนินงานและการผลิตของลูกค้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น. สิ่งนี้หมายถึงการปรับเปลี่ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วตามสถานการณ์เฉพาะหน้าได้

ซีเมนส์ มีความต้องการให้รัฐบาลไทยเข้าใจว่าพวกเขามีโซลูชันเหล่านี้พร้อมและ พร้อมที่จะช่วยภาคอุตสาหกรรมไทยในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยการนำโซลูชันเหล่านี้มาใช้ ไม่ว่าประเทศไทยจะมุ่งไปในทิศทางใด ประเทศไทยก็จะมี โอกาสในการแข่งขันในเวทีโลกได้ ไม่หวั่นข้อแม้หากเกิดกำแพงภาษีในอนาคตหรือแม้กับประเทศสหรัฐอเมริกาก็ตาม ในอีกทางไทยมีศักยภาพมองหาแหล่งส่งออกใหม่ๆ ได้


สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันดิจิทัลโลจิสติกส์ของซีเมนส์ได้ที่ https://plm.sw.siemens.com/en-US/digital-logistics/