ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าสู่อนาคตแห่งความยั่งยืน ผนึกกำลัง เอฟแอลเอส กรุ๊ป (FLS Group) ผู้นำด้านโซลูชันซัพพลายเชนระดับโลก เปิดตัวรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) ขนาด 10 ล้อควบคุมอุณหภูมิและ 18 ล้ออุณหภูมิปกติ สำหรับใช้กระจายสินค้าสู่ร้านท็อปส์ ในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินการภายใต้ภารกิจ ‘12 Missions to Sustainable Retail’ ผ่านแนวคิด “Small Acts Together” ที่สอดคล้องกับปรัชญา “CRC Care” ของเซ็นทรัล รีเทล ภายใต้มิติ “Care for the Environment” เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ตอกย้ำการเป็นผู้นำฟู้ดรีเทลที่ยกระดับกรีนโลจิสติกส์ของไทย พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ของธุรกิจค้าปลีกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง โดยเริ่มนำร่องใช้งานในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 13,335 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าภายใน 5 ปี
สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ท็อปส์มุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ โดยดำเนินธุรกิจที่สร้างสมดุลให้ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวคิด ‘Small Acts Together’ รวมพลังเล็กๆ เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยภารกิจสำคัญต่างๆ ภายใต้แผนงาน ‘12 Missions to Sustainable Retail’ ในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของท็อปส์ ในปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ท็อปส์ได้ริเริ่มใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าขนาด 4 ล้ออุณหภูมิปกติ จำนวน 10 คัน และรถ 6 ล้ออุณหภูมิปกติจำนวน 1 คัน สำหรับกระจายสินค้าไปยังร้าน ท็อปส์ เดลี่ และร้านท็อปส์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 342.27 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
“ล่าสุด ท็อปส์จึงได้เดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืน ด้วยการเปิดตัว รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV TRUCK) ขนาด 10 ล้อควบคุมอุณหภูมิและ 18 ล้ออุณหภูมิปกติ เพิ่มเติมรวมอีก 4 คัน ผ่านความร่วมมือครั้งสำคัญกับ FLS Group ผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่มาพร้อมโซลูชันโลจิสติกส์แบบไร้รอยต่อ เพื่อกระจายสินค้าไปยังร้านท็อปส์ในพื้นที่ต่างจังหวัด นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV TRUCK) ในระยะทางที่ไกลมากขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมการกระจายสินค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ และเป็นการยกระดับการใช้รถพลังงานไฟฟ้า (EV TRUCK) ให้ครอบคลุมการกระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิอีกด้วย ซึ่งจะเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม"
ด้าน ทอร์บเยอร์น ลาริสซ์ ประธานบริษัท เอฟแอลเอส กรุ๊ป (FLS Group) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “FLS Group มีความเชื่อมั่นว่าอนาคตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการขนส่งเท่านั้น หากแต่ยังหมายรวมถึงความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้อีกด้วย ซึ่งการร่วมมือกับท็อปส์ภายใต้โครงการรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนพันธกิจของเราสู่ระบบโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ รถบรรทุกไฟฟ้าสมรรถนะสูงและสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลที่นำมาใช้งานนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงนวัตกรรมที่ล้ำสมัย แต่ยังสามารถสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในเชิงการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศในวงกว้าง ปัจจุบัน เรามีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมใน 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯและภาคกลาง, ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, และภาคตะวันออก นอกจากนี้ เรายังวางแผนขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกในอนาคต เพื่อให้สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับมาตรฐานการขนส่งสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยความร่วมมือกับท็อปส์ในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการส่งมอบสินค้า แต่เป็นการร่วมมือเพื่อบรรลุพันธกิจร่วมกันในการสร้างอนาคตที่สะอาด ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง”
สำหรับรถขนสินค้าพลังงานไฟฟ้า (EV TRUCK) ขนาด 10 ล้อ ควบคุมอุณหภูมิและ 18 ล้ออุณหภูมิปกติ โดดเด่นด้วยสมรรถนะทรงพลัง ใช้เวลาเพียง 60 นาที ในการชาร์จเต็มประสิทธิภาพ รองรับระยะทางสูงสุด 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยรถขนสินค้าพลังงานไฟฟ้าขนาด10 ล้อรองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 9 ตัน และ ขนาด 18 ล้อรองรับได้ถึง 24 ตัน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้กว่า 1,860 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยในปี 2566 ท็อปส์ ได้นำร่องใช้งานรถขนส่งกระจายสินค้าอุณหภูมิปกติและสินค้าทั่วไปจำนวน 11 คัน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และในเดือนเมษายน 2568 ได้เปิดใช้งานเพิ่มอีกจำนวน 4 คัน สำหรับกระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิและสินค้าอุณหภูมิปกติให้กับร้านท็อปส์ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนรถขนสินค้าพลังงานไฟฟ้าให้ได้ 24 คัน ภายในปี 2568
“ท็อปส์ตั้งเป้าภารกิจสำคัญในครั้งนี้ว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในระยะเวลา 5 ปี ได้มากถึง 13,335 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 150,000 ต้น และจะยังคงเดินหน้าสืบสานภารกิจของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการดำเนินธุรกิจของท็อปส์ในรูปแบบอื่นๆ อีก เพื่อขับเคลื่อนโลกไปสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืนต่อไป” สเตฟาน กล่าวสรุป
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th, เฟซบุ๊ก TOPS
Thailand, หรือแอปพลิเคชันไลน์ @TopsThailand
#TOPS #EveryDayDISCOVERY #SmallActsTogether #EVTRUCK
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย
(Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ
โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งทั้งหมด
3,852 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม
Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ
ได้แก่ (1) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านซูเปอร์มาร์เก็ต
มินิซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารภายใต้แบรนด์ค้าปลีกและค้าส่งต่าง
ๆ เช่น ท็อปส์ ท็อปส์ ฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด ท็อปส์ เดลี่ โก โฮลเซลล์ ในประเทศไทย
ส่วนประเทศเวียดนาม ได้แก่ บิ๊กซี/ โก (GO!) ท็อปส์ มาร์เก็ต
มินิ โก (go!) และ ลานชี มาร์ท (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน
สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท
บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (3) กลุ่มแฟชั่นซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่างๆ
เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต
และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่
สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์
ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์
เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม
2567 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 62 จังหวัด
ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 43 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ