เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเผยแพร่ผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แผนปฏิบัติการ แผนงาน รวมทั้งมาตรการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้โครงการติดตามและประเมินผลนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นโยบายและแผนดีอี) พร้อมด้วย อำไพ จิตรแจ่มใส รองเลขาธิการ และผู้บริหาร BDE เข้าร่วมงานในวันนี้ด้วย โดยมีธเนศ วิริยะจิตต์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานคณะกรรมการดีอี กล่าวรายงาน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมกว่า 200 คน ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
เวทางค์
พ่วงทรัพย์ เลขาธิการ BDE
กล่าวว่า การประชุมสัมมนาในวันนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้รับทราบข้อมูล สถานะปัจจุบันของการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทย รวมทั้งกรอบแนวทางการติดตาม
และประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนผลกระทบและประโยชน์ของนโยบายและแผนดีอี รวมถึงข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งเป็นผลจากการรวบรวมและรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน ผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Focus Group) ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
รวมทั้งสิ้น 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ขอนแก่น สงขลา และเชียงใหม่
จากการติดตามและประเมินผลนโยบายและแผนดีอี
(พ.ศ. 2561 – 2580) ซึ่งประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ 4 เป้าหมาย 6 ตัวชี้วัด โดย BDE ได้ร่วมผลักดันให้ตัวชี้วัดเหล่านี้ประสบความสำเร็จแล้ว 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ (1) อันดับการพัฒนาตามดัชนี
ICT Development Index (IDI) อยู่ในประเทศที่มีการพัฒนาสูงสุด
40 อันดับแรก ซึ่งในปี พ.ศ. 2567 ประเทศไทยอยู่อันดับ 37 ดีขึ้น 2 อันดับ เมื่อเทียบกับปี พ.ศ.
2566 (2)
ประชาชนทุกคน มีความตระหนัก มีความรู้ ความเข้าใจทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
ให้เกิดประโยชน์และสร้างสรรค์ ซึ่งพบว่า ในปี พ.ศ. 2566 สถานภาพการเข้าใจดิจิทัล (Digital Literacy: DL) อยู่ในระดับดี โดยมีคะแนนอยู่ที่ 74.4 คะแนน และสถานภาพการรู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศ (Media and Information Literacy: MIL)
อยู่ในระดับดี
มีคะแนนอยู่ที่ 72.1 คะแนน โดยผลการสำรวจดังกล่าว BDE จะดำเนินการเก็บข้อมูลทุกสองปี
และ (3) อันดับการพัฒนาด้านรัฐบาลดิจิทัลของดัชนี
UN e-Government Rankings อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาสูงสุด
50 อันดับแรก โดยในปี พ.ศ. 2567 ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาสูงสุด
เป็นอันดับที่ 18 โดยมีคะแนนเพิ่มขึ้น 0.1808 เมื่อเทียบกับ ปี พ.ศ. 2561
โดยจัดเป็นอันดับที่ 52 จาก 193 ประเทศ มีคะแนนเพิ่มขึ้นและอันดับที่ดีขึ้น 21 อันดับเมื่อเทียบกับปี พ.ศ.
2561 ซึ่งอยู่ที่อันดับที่ 73 โดยประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในระดับสูงมาก (Very high
EGDI group)
นอกจากนี้ การประชุมสัมมนาในวันนี้ยังเป็นเวทีของการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อกรอบแนวทางการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานฯ อันจะช่วยให้ BDE นำข้อมูลที่ได้รับไปเป็นแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายในด้านการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและมุ่งพัฒนาให้ประเทศไทยก้าวสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ (Full transformation) ให้สอดคล้องเหมาะสมกับทิศทางของประเทศ และตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ในการขับเคลื่อนและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับประเทศต่อไป
ทั้งนี้
ปัจจุบัน BDE อยู่ระหว่างการเสนอร่างนโยบายและแผนดีอีฉบับปรับปรุงต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ซึ่งผลของการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานฯ
รวมถึงความเห็นและข้อเสนอแนะของ
การประชุมสัมมนาในวันนี้ จะเป็นข้อมูลสำคัญในการพิจารณาทบทวนและปรับปรุงการดำเนินงานตามนโยบายและแผนดีอีในระยะต่อไป