28 มิ.ย. 2566 26,489
16
ทรู และ ไชน่า โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมมือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์พัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะ IoT เชื่อมต่อแบบ M2M บนเครือข่ายทรู 5G เจาะกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve
สองผู้นำวงการเทเลคอม
ผนึกพลังพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรม ก้าวสู่ดิจิทัล เต็มรูปแบบ ทรู คอร์ปอเรชั่น บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำของไทย
ผู้นำด้านโครงข่ายโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก

โดย เอกราช
ปัญจวีณิน (ที่ 4 จากขวา) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล
ลงนามความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ ไชน่า โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ให้บริการสื่อสารระหว่างประเทศที่มีฐานลูกค้าองค์กรและพันธมิตรในภูมิภาคต่างๆ
กว่า 36 ประเทศทั่วโลก ในเครือไชน่า โมบาย
บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ในจีน โดย จูลี่ หนิง (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการใหญ่ ไชน่า โมบาย อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำประเทศไทย
ร่วมสร้างแพลตฟอร์มอัจฉริยะระดับโลก นำเทคโนโลยีไอโอที (IoT) เชื่อมต่อเซ็นเซอร์และอุปกรณ์อัจฉริยะทุกชนิดแบบอัตโนมัติ หรือ Machine
to Machine (M2M) เต็มประสิทธิภาพบนเครือข่ายทรู 5G
พร้อมเดินหน้าต่อยอดสู่ Machine to Everything (M2X) ที่จะผสานการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม “ดาต้าไวเซอร์”
(DataVisor) สมองกลอัจฉริยะเพื่อนำข้อมูลไปบริหารจัดการแบบองค์รวม
วิเคราะห์และประมวลผลได้แบบเรียลไทม์
เพิ่มโอกาสในการนำข้อมูลเชิงลึกไปต่อยอดใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ
ตั้งเป้าขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้ง S-Curve
และ New S-Curve อาทิ
อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมพลังงาน
และอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงโรงงานต่างๆ
ซึ่งจะช่วยยกระดับกระบวนการทำงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งในด้านคุณภาพ
ประสิทธิภาพ และผลผลิต
ประเดิมร่วมกันบุกตลาดยานยนต์อัจฉริยะต่างประเทศ ขยายบริการ IoT และ โซลูชันด้าน IoT ของไชน่า โมบาย
สู่กลุ่มบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตและทำตลาดในประเทศไทย
ให้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นพร้อมเชื่อมต่อการสื่อสารในไทย (Connected Car) บนโครงข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่เร็วแรง ครบกว่า บน 7 ย่านความถี่
ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ทั่วประเทศ
เพื่อรองรับการใช้งานระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ระบบนำทาง (Navigation)
และ แอปพลิเคชันด้านความบันเทิง
อีกทั้งยังเตรียมเจาะตลาดกลุ่มธุรกิจขนส่ง
เชื่อมโยงระบบตรวจสอบตำแหน่งและติดตามรถได้แบบเรียลไทม์ (Fleet Management)
เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และเพิ่มความปลอดภัยบนถนน นับเป็นความร่วมมือที่ลงตัว
เพื่อร่วมกันสนับสนุนภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล
เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน